ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
ลดลงต่อ ตลาดอ่อนแอกว่าที่คาดในช่วงสั้น
ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันศุกร์ลดลงต่อ…. หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยปรับลงแรงกว่าที่เราคาด ตามจิตวิทยาเชิงลบของตลาดหุ้นโลกในช่วงบ่าย จากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมทั้งแรงกระทบจากนโยบายการเงินที่คุมเข้มทั่วโลก….. ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยจากต่างประเทศยังคงเป็นลบ กล่าวคือ i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงแรงต่อเมื่อคืนนี้ หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมานั้นต่ำกว่าที่ consensus คาดการณ์ทั้งสิ้น ได้แก่ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขสำรวจ Philadelphia activity indices รวมทั้งตัวเลขยอดเริ่มสร้างบ้าน พ.ค. ซึ่งลดลงถึง 14.4% MoM ซึ่งตัวเลขต่างๆ ข้างต้นส่งผลให้ ‘GDPNow’ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเบื้องต้นของเฟดเกี่ยวกับ GDP ของสหรัฐฯ ชี้ว่า GDP ไตรมาส 2/65 อาจจะไม่เติบโต QoQ ii) ค่าเงินบาทอ่อนค่าตั้งแต่เมื่อวานบ่าย ต่อเนื่องเช้าวันนี้ ตามการปรับลงแรงของตลาดหุ้นโลก ซึ่งส่งผลให้มี risk-off mode ในตลาดการเงินเอเชีย และน่าจะทำให้นักลงทุนต่างชาติอยู่ในฝั่งขายสุทธิในระยะสั้น… ทั้งนี้ หากอิงประมาณการ EPS ปี 2566 ของฝ่ายวิจัย (ซึ่งอยู่ที่ 115 บาท) และค่าเฉลี่ยของ earnings yield gap ระยะยาวที่ 4.0% เรามองว่า SET Index ที่ต่ำกว่า 1,550 จุดลงมามีความน่าสนใจในการเข้าสะสม เพื่อการลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ … ด้านปัจจัยภายในประเทศ เมื่อวานนี้ ก.พลังงานแถลงขอเงินอุดหนุนจากโรงกลั่น เพื่อลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน (อ่านเพิ่มเติมในข่าวด้านล่าง) ขณะที่เช้าวันนี้ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทรงตัวในระดับต่ำที่ 1,967 ราย เสียชีวิต 19 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 2,123 ราย
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน
เก็งกำไรแนวรับ KBANK*, CPF*
- KBANK* (เป้าพื้นฐาน 188 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 147.5 บาท และ 146 บาท / แนวต้าน 151-154 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 158 บาท (Stop loss 146 บาท) 2) ประเมินราคาหุ้น Laggard ขณะที่คาดรับอานิสงส์ i) แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นใน 2H65 (คาดที่ประชุม กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย +0.5% ใน 2H65) ii) แนวโน้มเศรษฐกิจ 2H65 ฟื้นตัว ทั้งจากการท่องเที่ยว (เปิดประเทศ) การส่งออก (ค่าเงินบาทอ่อน) ภาคการเกษตรและอาหาร (ปัญหาอาหารขาดแคลนในต่างประเทศ) iii) คาดสรุปการจัดตั้ง JV เพื่อบริหารหนี้เสียได้ใน 3Q65 4) Valuation ไม่แพง PBV 0.72 เท่า คิดเป็นเพียงราว -1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต
- CPF* (เป้าพื้นฐาน 30.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 25.75 บาท / แนวต้าน 26.5-27.5 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/-29 บาท (Trailing stop 25.5 บาท) 2) ราคาหุ้นกลุ่มส่งออกอาหารเริ่ม Outperform ตลาดฯ จาก i) ราคาเนื้อไก่ (หน้าฟาร์ม) ทำ New high ที่ 43.5 บาท/กก. ขณะที่ราคาสุกร (หน้าฟาร์ม) ยืนสูงต่อเนื่องที่ 101.5 บาท/กก ii) ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าหนุนการส่งออกใน 2Q – 3Q ii) USDA ปรับประมาณการฯ สต๊อกถั่วเหลืองและข้าวโพด ฤดูกาล 2565/66 เพิ่ม (คาดราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ จะเริ่มทรงตัวแล้ว) 3) ประเมินราคาหุ้น CPF* Laggard และ PBV ต่ำเพียง 1.0 เท่า (คิดเป็นราว -1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต)
หุ้นมีข่าว
(-) กระทรวงพลังงานขอเงินช่วยเหลืออุดหนุนประมาณ 1.8-2.1 หมื่นล้านบาท จากกลุ่มบริษัทโรงกลั่นใน ประเทศไทย (ข่าวหุ้น) ความคิดเห็น: กระทรวงคาดว่าจะได้รับเงินอุดหนุนส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเป็นเวลาสามเดือน โดย i) ประมาณ 5 พันล้านบาทต่อเดือนจากน้ำมันดีเซลของโรงกลั่น, ii) ประมาณ 1 พันล้านบาทต่อเดือนจากน้ำมันเบนซินของโรงกลั่น และ iii) ประมาณ 1.5 พันล้านบาทต่อเดือนจากโรงแยกก๊าซ (GSP) ของ PTT แต่อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงข้อเสนอของรัฐบาลต่อ PTT และกลุ่มโรงกลั่นในประเทศ ซึ่งประกอบด้วย TOP, BCP, IRPC, PTTGC, SPRC, and ESSO ในขณะที่โรงกลั่น 2 แห่ง สัญชาติสหรัฐฯ กล่าวว่าพวกเขาไม่สามารถตอบสนองต่อคำร้องขอของกระทรวงได้ (จากข้อมูลของข่าวหุ้น) แม้ว่าเราคาดว่าตลาดโรงกลั่นจะถูกกดดันอย่างมากจากข่าวเชิงลบนี้ แต่เรามองเห็นโอกาสในการสะสม SPRC และ ESSO ท่ามกลางค่าการโรงกลั่นที่สูงมากในปีนี้ เนื่องจาก SPRC และ ESSO ถูกคาดว่าจะไม่เข้าร่วมโครงการนี้ ถ้าหาก Chevron และ ExxonMobil ซึ่งเป็นบริษัทแม่สัญชาติสหรัฐยังไม่เปลี่ยนนโยบาย
(+) UBE ออเดอร์แป้งล้นมือ รับทรัพย์เอทานอลขาขึ้น (ทันหุ้น) UBE ชี้ราคาเอทานอลขาขึ้นหลังดีมานด์ใช้น้ำมันผสมพุ่งสวนทางเอทานอลคงคลังที่ลดลง รับอานิสงส์จีนล็อกดาวน์ประเทศ หนุนความต้องการบริโภคแป้งมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นทดแทนแป้งข้าวโพดและแป้งสาลีที่ราคาสูง มั่นใจรายได้ปี 2565 เติบโต 15% และ 3 ปีจากนี้รายได้ยืนเหนือหมื่นล้านบาท
(+) ALPHAX สบช่องขายช่อดอกกัญชาเป้าโกยเงิน 100 ล. (ทันหุ้น) ALPHAX พร้อมบุกตลาดกัญชาเต็มสปีด เปิดตัวโปรดักต์ใหม่ “ช่อดอกกัญชาเกรดพรีเมี่ยม” สายพันธุ์ต่างประเทศรายแรกของไทย ฟากผู้บริหารตั้งเป้าขายล็อตแรก 500 กิโลกรัม รับรู้รายได้ทันทีใน Q2/2565 ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท หนุนผลงานปีนี้โตทะลุเป้า 200%
(+) SA รุกปั้นครัวกลางเป้า 494 สาขาใน 5 ปี คาดรายได้ 500 ลบ. (ทันหุ้น) SA ส่งบริษัทย่อย “ไฮบริด คิทเช่น” จับมือพันธมิตร Food&Beverage แบรนด์ดัง DOMINO’S PIZZA, KAGONOYA, SUBWAY และ Food Caravan ให้เช่าพื้นที่ครัวพร้อมอุปกรณ์ หรือธุรกิจ Cloud Kitchen ตั้งเป้าขยาย 494 สาขาภายใน ปี 2569 สนับสนุนแผนกระจายความเสี่ยงพร้อมเพิ่มฐานรายได้ประจำให้เติบโตแข็งแกร่ง
(+) BEC* ทุ่มงบลงทุนกว่า 400 ล้าน รีโนเวทสตูดิโอหนองแขมเฟส 1 (ข่าวหุ้น) “บีอีซี” ทุ่มงบลงทุน 400 ล้านบาท ลุยพัฒนาและปรับปรุงสตูดิโอหนองแขมเฟส 1 เพื่อใช้ในการผลิตและถ่ายทำคอนเทนต์ละครแบบครบวงจร หวังยกระดับอุตสาหกรรมบันเทิงและการผลิตคอนเทนต์ไทยสู่ตลาดโลก
หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า
- IVL* (เป้าพื้นฐาน 59 บาท) แนวรับ 50.0 บาท / แนวต้าน 52-54.5 บาท (Trailing stop 49.0 บาท)
- BBL* (เป้าพื้นฐาน 155 บาท) แนวรับ 134.5 บาท / แนวต้าน 138.5-140 บาท (Trailing stop 133 บาท)
- BLA* (เป้า Consensus 53 บาท) แนวรับ 43 บาท / แนวต้าน 46-48 บาท (Trailing stop 42 บาท)
- OTO (เป้าพื้นฐาน 16.2 บาท) แนวรับ 12.8 บาท / แนวต้าน 13.3-13.8 บาท (Stop loss 12.3 บาท)
- BAFS (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 27.5 บาท / แนวต้าน 29.5-30.0 บาท (Stop loss 27.5 บาท)
- SPRC* (เป้าพื้นฐาน 16.3 บาท) แนวรับ 12.3 บาท / แนวต้าน 13.0-13.3 บาท (Stop loss 12.0 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
AU แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 11.9 บาท ฝ่ายวิจัยฯ มีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยคาดผลการดำเนินงาน 2Q-3Q จะเริ่มฟื้นตัวแรง นอกจากนี้ยังมีการเปิด Franchises ในต่างประเทศ (ที่ฮ่องกงและโอกาสขยายไปประเทศจีน) ด้วย Earnings momentum ที่จะเป็นกลับขาขึ้น ฝ่ายวิจัยฯปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” (เดิม “ถือ”)
KBANK* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 188 บาท ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินปัจจัยบวกต่างๆ ทั้งการเตรียมบริหารจัดการหนี้เสีย และการจัดตั้ง JV กับ AMC ต่างๆ สำหรับประเด็นเรื่องแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย คาดหากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย +0.5% มีโอกาสที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยธนาคารขึ้น ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” (เดิม “ถือ”)