บล.ทรีนีตี้

โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ – HMPRO

คาดรับผลกระทบเงินเฟ้อได้ กำไรปี 65 ยังเติบโตต่อเนื่อง

  • กำไร 1Q65 อยู่ที่ 1,511 ล้านบาท ลดลง 14.9% QoQ และเพิ่มขึ้น 10.9% YoY จากโครงการ “ช้อปดีมีคืน” และงาน Homepro Electric Expo
  • มองกำไร 2Q65 ไม่โดดเด่นเท่า 2H65 เนื่องจากเป็นช่วงที่มีวันหยุดเยอะ รวมถึงมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากค่าเงินเฟ้อ
  • ประมาณการกำไรปี 2565 ราว 5,586 ล้านบาท เติบโต 4% จากการขยายสาขาเพิ่ม 7 สาขาในครึ่งปีหลัง รวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นในจังหวัดที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวจากการเปิดประเทศ
  • คงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 16.29 บาท (อิงวิธีDCF) ราคาปัจจุบันคิดเป็น Forward P/E ราว 30.4 เท่า

ผลการดำเนินงาน 1Q65

  • กำไรสุทธิ 1Q65 เท่ากับ 1,511 ล้านบาท (-14.9% QoQ, +10.9% YoY) มาจากการฟื้นตัวของการบริโภคในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงมาตรการภาครัฐ “ช้อปดีมีคืน” งาน Homepro Electric Expo และการขายทางออนไลน์
  • รายได้รวม 1Q65 เท่ากับ 16,673 ล้านบาท (-4.0% QoQ, +5.3% YoY) โดยรายได้ส่วนใหญ่เป็นรายได้การขายสินค้าและบริการ (15,761 ล้านบาท -2.7% QoQ, +4.7% YoY) ส่วนรายได้ค่าเช่าอยู่ที่ 410 ล้านบาท (+8.4% QoQ, +26.6% YoY) เนื่องจากปีนี้ มีการจัด Homepro Electric Expo และการกลับมาของศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจที่หัวหิน หลังจากปีก่อนที่มีการลดค่าเช่าเพื่อบรรเทาผลกระทบจากโควิด จึงทำให้รายได้ค่าเช่าเติบโตสูงขึ้นจาก 1Q64
  • อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 26.0% (27.1 ใน 4Q64 และ 25.7% ใน 1Q64) เพิ่มขึ้น YoY เนื่องจากที่การขายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น รวมถึงรายได้จากการบริการหลังเปิดเมืองเพิ่มขึ้น ถึงแม้ต้นทุนค่าขนส่งจะสูงขึ้นก็ตาม
  • สัดส่วน SG&A และค่าใช้จ่ายอื่นๆ อยู่ที่ 19.2% (20.7% ใน 4Q64 และ 19.0% ใน 1Q64) เพิ่มขึ้น YoY เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับพนักงานที่เพิ่มขึ้น รวมถึงค่าเดินทาง พนักงาน และค่าขนส่งสินค้าที่สูงขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมัน
  • โดยสรุปกำไรไตรมาส 1/2565 คิดเป็นสัดส่วนราว 24.1% จากประมาณการกำไรทั้งปี 2565 ที่ 65,302 ล้านบาท โดยเราให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 65 ที่ 16.29 บาท

ความเสี่ยง: เงินเฟ้อที่กระทบค่าใช้จ่าย และภาวะเศรษฐกิจถดถอย

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 16.29 บาทต่อหุ้น

คงแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 16.29 (อิงวิธี DCF สมมติฐาน WACC 7.4% Terminal growth 3%) คิดเป็น Forward PE ราว 30.4 เท่า โดยมองว่าการเติบโตยังโดดเด่นในช่วง 2H65 จากการขยายสาขาและการรับมือกับค่าเงินเฟ้อ ซึ่งมองว่ากำไรปี 2565 จะอยู่ที่ 5,586 (+2.7% YoY) ซึ่งเราได้ทำตาราง DCF Sensitivity Analysis ที่ BETA ในกรอบ 0.95 ถึง 1.15 และบน Terminal Growth ระหว่าง 2-4% เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน

HMPRO DCF Sensitivity Analysis

- Advertisement -