รอบด้านตลาดหุ้น: วันนี้คาดดัชนี Sideways

Market wrap & Outlook

  • วานนี้ดัชนี Sideways ตามคาด หุ้นกดดันตลาด ได้แก่ JTS PTTEP PTT SCB KBANK BBL BANPU ส่วนหุ้นใหญ่บวกพยุงตลาด ได้แก่ DELTA กลุ่มท่องเที่ยว AOT MINT โรงไฟฟ้า GUNKUL GPSC EA BGRIM GULF และหุ้นกลาง-เล็กบวกดีกว่าตลาด เช่น MPIC MOONG CMAN ASAP VRANDA TASCO D
  • วันนี้คาดดัชนี Sideways คงคาดกลุ่มเด่นรอบนี้ หุ้นธนาคาร (เงินลงทุนและส่วนต่างดอกเบี้ยรับ ชอบเวลาดอกเบี้ยขยับขึ้น) หุ้นเติบโตสูงก้าวข้ามเงินเฟ้อ และ เติบโตสอดรับกับเศรษฐกิจในประเทศที่กำลังฟื้นตัวได้เร็ว (โรงไฟฟ้า หุ้น Sofeware tech ท่องเที่ยว โรงแรม การบิน อุปโภคในประเทศ)

What to watch

  • สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จะสรุปแนวทางกำกับสินเชื่อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ โดยเตรียมออกร่างประกาศควบคุมการเช่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ฉบับที่ 2 ซึ่งในครั้งนี้จะนำข้อเสนอของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย สมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย และสมาคมรถจักรยานยนต์ที่ได้หารือและสรุปแนวทางมาแล้วก่อนหน้านี้ เช่น เสนอเพดานดอกเบี้ยรถใหม่ไม่เกิน 15% รถมือสองไม่เกิน 20% และรถจักรยานยนต์ไม่เกิน 30% จากเดิมข้อเสนอ สคบ. คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ทุกสัญญา (+ECL NCAP)
  • ตลาดหลักทรัพย์ฯ (ตลท.) ประกาศชื่อหุ้นเข้า SET50 รอบครึ่งปีหลัง (1 ก.ค.-31 ธ.ค. 65) JMT JMART BLA เข้าตามคาด ส่วน SET100 มี 4 หุ้น FORTH ONEE PSL และ TIPH

Quantitative Strategy – ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงจากปัจจัยลบที่รุมเร้า

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงหลังจากแตะระดับแนวต้านที่ 1660 จุด ผิดจากที่เราคาด เนื่องจากความกังวลในภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลกได้ฉุดความเชื่อมั่นตลาด อย่างไรก็ตามเราคาดว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะรีบาวด์ได้ภายในสัปดาห์หน้า โดยดัชนีจับจังหวะตลาดของเราส่งสัญญาณดังต่อไปนี้

ดัชนีระยะสั้น: ดัชนี Composite Short-term ได้เข้าใกล้โซน Oversold เนื่องจากดัชนี Short-term Bull-to-Bear ได้ปรับตัวลงแรงจนเข้าสู่กรอบล่าง (รูปที่ 1) ดังนั้นจึงมีแนวโน้มฟื้นตัวได้เร็วๆนี้ เนื่องจาก mean-reversion

ความผันผวนของตลาด: ค่าความผันผวนของตลาดปรับตัวขึ้นจนอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวเล็กน้อย และคาดว่าจะยังอยู่ใกล้ระดับปัจจุบันในช่วงสองสัปดาห์ข้างหน้า ทั้งนี้ค่าความผันผวนของตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 18.2% เทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 17.5%

ดัชนีระยะกลาง: ดัชนี Medium-term Bull-to-Bear ปรับตัวลงจากระดับ 35% ในช่วงสองสัปดาห์ก่อนหน้า สู่ระดับ 24% ในปัจจุบัน ซึ่งเข้าใกล้กรอบล่าง

Market Breadth: การกระจายตัวในการปรับขึ้นของหุ้นระยะสั้น (Short-term Market Breadth) ปรับตัวลงแรงจนอยู่ในระดับกรอบล่าง เราคาดว่าจะฟื้นตัวได้เร็วๆนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นแบบกระจายตัวมากขึ้น

ดัชนีระยะยาว: ดัชนีระยะยาวอ่อนแอลงในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากดัชนี Composite Medium-term ที่ปรับตัวลง

คาดการณ์กรอบของดัชนี SET ในช่วงวันที่ 21 มิ.ย.-4 ก.ค. : เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มแกว่งตัวในช่วง 1520-1600 จุด

หุ้นแนะนำวันนี้

  • SNNP อานิสงส์เด็กเปิดเทอม หนุนยอดขายหน้าโรงเรียนกลับมาพุ่ง
  • CBG การเปิดกิจกรรมเศรษฐกิจเต็มรูปแบบเริ่ม 1 กค. เป็นต้นไป คาดหนุนยอดขายสินค้าทุกกลุ่มของ CBG

Tactical port: เพิ่ม SNNP

Technical Daily (T)

หัวข้อ: Risk to Reward ratio!
แนะนำ ซื้อ
GPSC  แนวรับ 64-65 แนวต้าน 71-72 (stop loss < 63)
EA  แนวรับ 82-83 แนวต้าน 90 (stop loss < 81)
TASCO  แนวรับ 16.6-16.8 แนวต้าน 18.5-19 (stop loss < 16.3)

Global Investing Brief : Pfizer ซื้อหุ้นบริษัท Valneva 8.1% เสริมแกร่งพัฒนาวัคซีนโรคไลม์ // ธนาคารกลางจีนคงดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ตามที่ตลาดคาด

Highlight

Reuters รายงานว่า Tencent (700) กำลังจัดตั้งหน่วยธุรกิจ “Extended Reality” เพื่อเสริมแกร่งการเข้าสู่โลก Metaverse โดยมีแผนพัฒนาทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ซึ่งหน่วยธุรกิจนี้จะอยู่ภายใต้กลุ่มธุรกิจความบันเทิงของบริษัท โดยมี Li Shen – Chief Technology Officer (CTO) บริษัท Tencent Games Global เป็นผู้นำทัพบริหาร เรามองว่าการพัฒนาฮาร์ดแวร์นับเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญของ Tencent ที่สามารถต่อยอดจากธุรกิจ Metaverse สู่ธุรกิจอื่นได้ในอนาคต และคาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นในระยะสั้น

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

  • เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ หยุดทำการเนื่องในวันเลิกทาส (Juneteenth Day) และจะกลับมาเปิดทำการอีกครั้งในวันนี้
  • Pfizer (PFE) ได้ทำข้อตกลงซื้อหุ้นสัดส่วน 8.1% ใน Valneva บริษัทวัคซีนประเทศฝรั่งเศสที่มูลค่า $95.2mn หลังร่วมมือกันพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคไลม์ (การติดเชื้อแบคทีเรียจากเห็บหมัด) ตลอดระยะ 2 ปีที่ผ่านมา โดย Valneva จะนำเงินทุนที่ได้จาก Pfizer ไปใช้ในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคไลม์ ระยะที่ 3 ด้าน Bloomberg Consensus ให้ TP ที่ $56.80

ตลาดหุ้นฮ่องกง

  • วานนี้ดัชนีฮั่งเส็งปรับขึ้น 0.4% นำโดยหุ้นกลุ่มการเงิน AIA (1299) +1.3%, PING AN (2318) +1.0%, HKEX (388) +0.7% แม้ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ระยะ 1 ปีและ 5 ปีที่ 3.70% และ 4.45% ตามลําดับ สอดคล้องกับที่ตลาดคาด หลังเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้นจากการคลายล็อกดาวน์ อย่างไรก็ดีเรามองว่า PBOC อาจไม่เน้นการลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง โดยคาดว่าจะเน้นการสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กและภาคอสังหาริมทรัพย์ให้สามารถเข้าถึงเงินทุนได้ในต้นทุนระดับต่ำ รวมทั้งผลักดันให้ธนาคารเพิ่มการอนุมัติสินเชื่อ
  • JD.com (9618) เผยยอดสั่งซื้อรวมในช่วงเทศกาลช้อปปิ้งแห่งปี “JD 618“ ในปีนี้ (1-18 มิ.ย.) สูงถึง $400bn ทําสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง แม้เติบโต 10.3%YoY ชะลอตัวจากปี 64 ที่โต 27.7%YoY จากการล็อกดาวน์ที่ฉุดภาคบริโภค นอกจากนี้ บริษัทเผยว่ามีการชำระเงินผ่านดิจิทัลหยวนถึง $400mn หรือราว 0.1% ของยอดสั่งซื้อรวมในงานนี้ ด้าน Bloomberg Consensus ให้ TP ที่ HKD336.52

ตลาดหุ้นเวียดนาม

  • วานนี้ดัชนี VN ปิดลบ 3.0% นำโดยกลุ่มธนาคาร STB -6.9%, BID -6.6%, และ CTG -4.7% ด้านธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) ให้คำมั่นว่าจะควบคุมระดับเงินเฟ้อให้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ 4% ในปีนี้ แม้มีความกังวลจากปัจจัยราคาต้นทุนที่สูงขึ้นและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่า โดยอัตราเงินเฟ้อ 5M22 อยู่ที่ 2.25% นอกจากนี้กระทรวงการคลังกําลังพิจารณาลดภาษีสิ่งแวดล้อมจากน้ำมันเชื้อเพลิงลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งอาจมีผลภายในต้นเดือน ส.ค. หากได้รับการอนุมัติในเดือนนี้ เราคาดว่าเป็นหนึ่งในแนวทางเพื่อชะลอเงินเฟ้อของรัฐ
  • ผู้บริหาร ACV เผยมุมมองบวกต่องบ FY22 คาดการณ์กำไรก่อนหักภาษีโตถึง 175.4%YoY สู่ระดับ VND2,727bn และ รายได้แตะ VND9,937bn โต 109%YoY หนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวโตเด่น 166%YoY มากกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดแล้ว เราคาดว่างบ 2Q22 จะโตแข็งแกร่งจากความต้องการเดินทางภายในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่องหลังอัดอั้นจากช่วงโควิด ด้านโบรคเวียดนามให้ TP ที่ VND107,400

 

- Advertisement -