บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:
GFPT PCL (GFPT TB) กำไรจะเติบโตก้าวกระโดด
ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรและราคาเป้าหมาย
เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ GFPT สะท้อนถึงผลประกอบการที่แข็งแกร่งในช่วง 1Q65 อีกทั้งยังมีแนวโน้มเชิงบวกจากราคาไก่และปริมาณส่งออกที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบสูงจะถูกชดเชยด้วยการเติบโตของการส่งออกและราคาขายที่เพิ่มสูงขึ้น เราคาดว่ากำไรของ GFPT จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ YoY ในทุกไตรมาสของปีนี้ เราเชื่อว่าการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งทำให้ GFPT สมควรซื้อขายที่มีพรีเมียมบน PE ปี 65 ที่ 17 เท่า (+1.5 SD) ราคาเป้าหมายปรับเพิ่มขึ้นเป็น 20.90 บาท จากเดิมที่ 16.30 บาท คงแนะนำ ซื้อ
เพิ่มประมาณการจากกำไรที่แข็งแกร่งและแนวโน้มสดใส
กำไรสุทธิ 1Q65 คิดเป็น 38% ของประมาณการปี 2565 ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการยังคงเป็นบวกในช่วงที่เหลือของปีนี้ จากการที่ราคาไก่เนื้อและราคาชิ้นส่วนไก่ที่ค่อนข้างสูง รวมถึงการส่งออกที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เราจึงปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรปี 2565 และ 2566 ขึ้น 28% และ 21% ตามลำดับ โดยคาดว่ากำไรปี 2565 จะเติบโตถึง 761% YoY เป็น 1.54 พันล้านบาท
การส่งออกเติบโตจากทั้งปริมาณและราคาที่เพิ่มขึ้น
หลังจากการขยายกำลังการผลิตไก่ส่งออก 25% ตั้งแต่เดือน ก.ย. 2564 และการผ่อนคลายล็อกดาวน์ในญี่ปุ่นและยุโรป ปริมาณการส่งออกของ GFPT เพิ่มขึ้น 40% YoY เป็น 7,700 ตันใน 1Q65 โมเมนตัมการส่งออกจะดำเนินต่อไปในช่วงที่เหลือของปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 2 และ 3 ของปีนี้ เราคาดว่าปริมาณการส่งออกไก่ปรุงสุกจะเติบโต 33% เป็น 31,100 ตันในปี 2565 ประกอบกับมีการปรับราคาส่งออก 5-7% และยังได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทอ่อนค่าด้วย
ราคาไก่อยู่ในระดับสูง ขณะที่ต้นทุนยังบริหารจัดการได้
ปัจจุบันราคาไก่ในประเทศสูงถึง 44 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 37% จากราคาเฉลี่ยในปี 2564 ในขณะที่ราคาโครงไก่ก็เพิ่มขึ้นเป็น 21-22 บาท/กก. จากราคาเฉลี่ย 12 บาท/กก. ในปี 2564 ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายในประเทศของ GFPT และเพิ่มกำไรของ GFN (บริษัทร่วมของ GFPT) แม้ว่าราคาวัตถุดิบจะยังสูง แต่การส่งออกที่เพิ่มขึ้น (อัตรากำไรสูง) และราคาขายที่สูงขึ้นจะช่วยชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เราประเมินว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2565 จะเพิ่มขึ้นเป็น 14.3% จาก 7.8% ในปี 2564