บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์:

Clover Power Public Company Limited บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)

หลายปัจจัยบวกรออยู่

  • มองว่า CV มีหลายปัจจัยบวกรออยู่ในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยโรงไฟฟ้าจะได้แรงหนุนจากโอกาสจากโครงการใหม่ และแนวโน้มมาร์จิ้นสูงขึ้น
  • จะมุ่งเข้าสู่ธุรกิจ Modular เพื่อให้มาร์จิ้นของธุรกิจ EPC สูงขึ้น
  • เริ่มขยายเข้าสู่ธุรกิจ Wood Pellets ในเวียดนาม ซึ่งแนวโน้มสดใส
  • แนวโน้มกำไรจะโดดเด่นในครึ่งหลังของปี และโดดเด่นยิ่งขึ้นในปีหน้า
  • ราคาหุ้นที่ลดลงมากเกินไป มองเป็นโอกาส “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 4.38 บ.

ประเด็นการลงทุน

  • ธุรกิจโรงไฟฟ้า : โอกาสจากโครงการใหม่ และมาร์จิ้นสูงขึ้นในปีหน้า CV อยู่ระหว่างรอลงนาม PPA โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน 3 โครงการ รวม 19.8 MW ที่ลำปาง พิจิตร และหนองบัวลำภู หลังชนะประมูลเมื่อปีที่แล้ว โดยหากลงนาม PPA ในเดือนหน้าก็จะเริ่มก่อสร้างปลายปีนี้ และเสร็จต้นปี 67F นอกจากนั้น ก็อยู่ระหว่างพัฒนาโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ญี่ปุ่นรวม 80 MW โดยที่มิยาซากิ 20 MW อยู่ระหว่างทำสัญญาเช่าที่ดินและขอใบอนุญาต คาด COD 1Q67F และที่มิเอะ 60 MW อยู่ระหว่างเตรียมเข้าประมูล คาด COD 3Q67F โดยหากเป็นไปตามแผนก็จะช่วยเพิ่มฐานรายได้ให้สูงขึ้นตั้งแต่ FY67F เป็นต้นไป นอกจากนั้น ด้วย กกพ. เพิ่งออกระเบียบว่าด้วยการรับซื้อไฟฟ้าโครงการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชน 2565 ซึ่งเป็นไป ตามมติ กพช. ที่อนุมัติหลักการรับซื้อไฟฟ้ารวมไม่เกิน 215 MW ทำให้เรามองว่า CV จะเข้าร่วมคัดเลือกในโครงการนี้ รวมถึงเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจ EPC ในการรับก่อสร้างให้ผู้ประกอบการอื่นด้วย ทางด้านโรงไฟฟ้าเดิมก็มองว่าแนวโน้มมาร์จิ้นจะดีขึ้นในปีหน้าด้วย 2 แรงหนุนคือ 1) การบริหารต้นทุนเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงคัดแยกและแปรรูป RDF เพื่อใช้เองที่พิจิตร ซึ่งจะทำให้ต้นทุนต่ำลง และ 2) แนวโน้มค่าไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า ตาม FIT Variable ที่ตามสูตรจะเพิ่มขึ้น ตาม Core Inflation ในปีก่อนหน้า ซึ่งปีนี้คาดว่าจะสูงขึ้นเป็น 2% เทียบกับ 0.29% ในปีก่อน
  • ธุรกิจ EPC : มุ่งสู่ธุรกิจที่ให้มาร์จิ้นสูงขึ้น เดิม CV มีความเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลเป็นหลัก  CV ได้ใช้ประสบการณ์ต่อยอดไปสู่ธุรกิจ EPC อื่น เช่น งานก่อสร้างอาคารของภาครัฐและเอกชนเพื่อให้รับรู้รายได้ต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อ พ.ค. CV ขยายเข้าสู่ธุรกิจระบบก่อสร้างแบบสำเร็จรูป (Modular) ร่วมทุน 70% กับผู้มี ประสบการณ์สูงในธุรกิจนี้ ระบบ Modular กำลังเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ ในกลุ่ม Commercial และ Residential เนื่องจากเป็นการก่อสร้างแล้วเสร็จมาจากโรงงาน และนำมาติดตั้งที่ไซต์งานทำให้งานเสร็จเร็ว ควบคุมคุณภาพและมีมาตรฐาน CV อยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบธุรกิจทั้งในกลุ่มโครงการจัดสรร โรงแรม และสถานบริการน้ำมัน โดยคาดจะรับรู้รายได้ 150-300 ลบ. ใน 2H65F และด้วยธุรกิจนี้มีมาร์จิ้นที่ดีกว่าธุรกิจ EPC เดิมราวเท่าตัว ก็จะเพิ่มความสามารถทำกำไรของธุรกิจ EPC ให้สูงขึ้นเมื่อเริ่มรับรู้รายได้
  • ขยายเข้าสู่ธุรกิจ Wood Pellets ในเวียดนาม เมื่อ เม.ย. CV ได้ทำสัญญาซื้อหุ้น 60% ใน DKC Energy มูลค่า 227 ลบ. โดยคาดดุลจะเสร็จสมบูรณ์ใน 3Q65F DKC ทำธุรกิจผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด (Wood Pellets) ในเวียดนาม กำลังผลิต 89,000 ตัน/ปี ฐานลูกค้าหลัก คือ โรงไฟฟ้าชีวมวลในเกาหลีและญี่ปุ่น CV มองว่าความต้องการในธุรกิจนี้สดใสจากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลเพิ่มขึ้นเพื่อทดแทนโรงไฟฟ้า Conventional ทำให้มีแผนเพิ่มกำลังผลิตเป็น 150,000 ตัน/ปี ขณะเดียวกันก็ได้ประโยชน์จากราคาตลาด Wood Pellets ที่ปรับขึ้นแล้วราว 30% ตามราคาถ่านหิน ซึ่งจะช่วยให้มาร์จิ้นของธุรกิจนี้ดีขึ้นด้วย CV ตั้งเป้ารายได้ 300 ลบ. ใน 2H65F และเติบโตก้าวกระโดดในปีหน้าตามการเพิ่มกำลังผลิต และรับรู้รายได้เต็มปี ทั้งนี้ CV ได้เริ่มธุรกิจ Trading นี้แล้ว ด้วยบันทึกรายได้ 90 ลบ. ใน 1Q65A
  • Core Profit ฟื้นตัวเล็กน้อยใน 2Q65F แต่กำไรสุทธิจะเติบโตสูงตามกำไรพิเศษ แม้คาดรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้า 2Q65F จะลดลง QoQ จากการหยุดเดินเครื่องชั่วคราวของโรงไฟฟ้าก๊าซ ซึ่งต้นทุนก๊าซพุ่งขึ้นมาก และ ประสิทธิภาพลดลงของโรงไฟฟ้า CPL ที่พิษณุโลก รวมถึงรายได้จากธุรกิจ EPC จะลดลง QoQ ตามความคืบหน้าของงาน แต่ด้วยมีค่าใช้จ่ายพิเศษใน 1Q65A (Distribution cost ของธุรกิจ Wood Pellets -27 ลบ. และค่าใช้จ่ายที่ปรึกษา -8 ลบ. จะลดลง) รวมถึงไม่มีส่วนแบ่งขาดทุน -5 ลบ. ของ RTB (จากการขายหุ้น) ซึ่งรายการเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นใน 2Q65F ทำให้เราคาดว่า Core Profit 2Q65F จะฟื้นตัวเล็กน้อย QoQ จากฐานต่ำใน 1Q65A 15 ลบ. แต่กำไรสุทธิจะเติบโตสูงตามการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายหุ้น RTB ราว 27 ลบ. (หลังภาษี)
  • กำไรจะโดดเด่นใน 2H65F และโดดเด่นขึ้นอีกในปีหน้า ด้วยกำลังจะเริ่มธุรกิจใหม่ใน 2H65F คือ Modular และ Wood Pellets ซึ่งทั้งสองธุรกิจให้มาร์จิ้นสูงกว่าธุรกิจเดิม รวมถึงคาดรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก CPL ตามประสิทธิภาพที่สูงขึ้น และธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซกลับมาเดินเครื่องปกติ ตามต้นทุนก๊าซที่น่าจะลดลงใน 2H65F อีกทั้งจะบันทึกรายได้ EPC เร่งตัวขึ้น ทำให้เราคาดว่า Core Profit จะเติบโตมาก HoH และกำไรปีหน้าจะโดดเด่นขึ้นอีก ตามการรับรู้รายได้เต็มปีของธุรกิจ Modular และ Wood Pellets อัตรากำไรของธุรกิจโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามการปรับเพิ่ม FiT Variable และต้นทุนลดลงภายหลังจากโรงงาน RDF สร้างเสร็จ

คําแนะนํา

  • ราคาหุ้นที่ลดลงมากเกินไป มองเป็นโอกาส “ซื้อ” เราประเมินราคาเป้าหมายหุ้นที่ 4.38 บ. ด้วยวิธี SOTP แยกรายธุรกิจ และรวมโรงไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นเพียง 20 MW (จากโอกาสทั้งหมด 80 MW) ราคาหุ้น CV ลดลง -29%YTD และ ลดลง -42% จากราคา IPO ซึ่งมองว่าลดลงมากเกินไป โดย P/B และ P/E ปัจจุบันถูกกว่าหุ้น ACE และ ETC ที่ประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกัน มองเป็นโอกาส “ซื้อ” จากราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนเพียงธุรกิจโรงไฟฟ้าเดิม และ EPC เท่านั้น ยังไม่ได้สะท้อนโรงไฟฟ้าใหม่และธุรกิจใหม่ Wood Pellets ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนกำไรตั้งแต่ 2H65F เป็นต้นไป

ปัจจัยเสี่ยง

ความล่าช้าของโครงการลงทุน เหตุการณ์ที่ทำให้โครงการก่อสร้างหรืออยู่ระหว่างพัฒนาไม่เป็นไปตามคาด การหยุดซ่อมนอกแผน อาจเกิดจากอุบัติเหตุ เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดต่างๆ รวมถึงต้นทุนเชื้อเพลิงสูงขึ้น

 

- Advertisement -