บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Maintain)
TP upside (downside) +19.4%
Close Jun 22, 2022 Price (THB) 18.00
12M Target (THB) 21.50
Previous Target (THB) 18.70
What’s new?
- คาดแนวโน้มกำไรปกติ 2Q65 เบื้องต้นที่ 500 ลบ. +/- จากราคาไก่ในประเทศที่ปรับขึ้นต่อราว 7.0%QoQ ทำระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี และตลาดส่งออกที่เติบโตแข็งแกร่งโดยเฉพาะในยุโรป คาดปริมาณการส่งออกเพิ่มเป็น 8,000 ตัน (+3.9%QoQ)
- เบื้องต้นเราคาดแนวโน้มกำไรจะสูงขึ้น QoQ ถึง 3Q65 เป็นอย่างน้อย เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของธุรกิจ และแนวโน้มราคาไก่ที่มีโอกาสปรับขึ้นต่อแตะระดับ +/-50 บาท/กก.
Our view
- เรามีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มราคาไก่ที่คาดจะสูงขึ้นต่อเนื่องในปี 2565 หนุนกำไรของ GFPT ให้เติบโตเด่น เราได้ปรับประมาณการกำไรปี 2565-66 ขึ้น 14.0% เป็น 1,670 ลบ. (+833.4%YoY) และ 13.2% เป็น 1,702 ลบ. (+1.9%YoY) เพื่อสะท้อนราคาไก่ที่ปรับตัวขึ้น
- ผลของการปรับประมาณการขึ้น ทำให้ได้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ใหม่ที่ 21.50 บาท มี Upside gain 19.4% คงคำแนะนำ “ซื้อ” และยังเลือกให้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับกลุ่มฟาร์มสัตว์บก
GFPT ราคาไก่บินขึ้นไม่หยุด และมีโอกาสสูงขึ้นต่อ
ราคาไก่สูงขึ้นสูงสุดในรอบทศวรรศ หนุนแนวโน้มกำไร 2Q65 ให้โตต่อ
เราคาดแนวโน้มกำไร 2Q65 ของ GFPT จะเติบโตทั้ง QoQ และ YoY แม้ราคาวัตถุดิบจะปรับขึ้นเฉลี่ย 5-8%QoQ ก็ตาม แต่ราคาไก่มีชีวิตหน้าฟาร์มปัจจุบัน (อิงสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร) ขึ้นมาอยู่ที่ 47.0 บาท/กก. (+43%YoY) สูงที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี และราคาเฉลี่ย QTD อยู่ที่ 43.3 บาท/กก. (+7.0%QoQ, +30.8%YoY และราคาส่งออกที่ปรับขึ้นราว 5-10%QoQ จะช่วยชดเชยต้นทุนที่การเลี้ยงที่จะบริษัทรับรู้มากขึ้นใน 2Q65 ได้ทั้งหมด ส่วนด้านปริมาณขาย คาดมีการเติบโตต่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในยุโรปที่ Supply ไก่ลดลง เนื่องจากยูเครนซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดการนำเข้าไก่ของยุโรปอยู่ราว 15% ไม่สามารถส่งออกไก่ได้ เราคาดปริมาณการส่งออกเพิ่มเป็นราว 8,000 ตัน ตัน (+3.9%QoQ) ซึ่งสัดส่วนรายได้ส่งออกที่สูงขึ้นจะทำให้บริษัทจะได้อานิสงค์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าแตะระดับ 35 บาท/USD มากขึ้นด้วย เราคาดแนวโน้มกำไร 2Q65 ของ GFPT ที่ 500 ลบ. +/-
3Q65 จะเป็นจุดพีคของปี, 4Q65 มีโอกาสทรงตัว QoQ … ปรับประมาณการขึ้น
เราประเมินว่าราคาไก่ทั้งในประเทศและต่างประเทศมีโอกาสปรับขึ้นได้ต่อ จากแนวโน้มของเงินเฟ้อในยุโรปหนุนราคาสินค้าทุกประเภท และปริมาณคำสั่งซื้อยังสูงขึ้นต่อเนื่องเพื่อต้องการสำรองอาหารให้เพียงพอในบางประเทศ และการกลับมาเปิดประเทศของญี่ปุ่นหนุนการบริโภคอาหาร ขณะที่ในประเทศราคาหมูยังสูงขึ้นต่อเนื่อง จาก Supply หมูในประเทศที่ยังฟื้นตัวได้ช้า และคาดว่าต้องใช้เวลาอีกราว 1-2 ปีจึงจะกลับสู่ภาวะปกติ ทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนมาทานเนื้อไก่มากขึ้น เพราะราคายังถูกกว่าหมู แม้ราคาปรับขึ้นเช่นกัน ประกอบกับแนวโน้มต้นทุนการเลี้ยงที่ยังมีโอกาสสูงขึ้นต่อ ทำให้การควบคุมราคาไก่ที่รุนแรงของรัฐมองว่ามีโอกาสเกิดขึ้นต่ำ เนื่องจากจะกระทบเกษตรกรรายย่อย เราคาดราคาไก่มีชีวิตหน้าฟาร์มในประเทศมีโอกาสสูงขึ้นแตะระดับ +/- 50 บาท/กก. ใน 3Q65 ได้ ขณะที่ราคาส่งออกมีโอกาสปรับขึ้นได้อีกเช่นกัน ทำให้กำไรจะเร่งขึ้นทำจุดสูงสุดของปีได้ใน 3Q65 ที่เป็นช่วง High Season ของธุรกิจ ขณะที่ 4Q65 แม้ปกติจะชะลอลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล แต่ในปีนี้เรามองว่ามีโอกาสที่จะทรงตัว QoQ ได้จากปริมาณการส่งออกที่จะสูงขึ้นตามความต้องการของลูกค้าที่เร่งตัว และบริษัทมีแผนในการผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างในสายการผลิต ซึ่งจะหนุนอัตราการใช้กำลังการผลิตให้สูงขึ้นเป็น 85-90% จากปัจจุบันที่ 80%
เรามีความมั่นใจมากขึ้นต่อแนวโน้มของราคาไก่ที่มีโอกาสปรับขึ้นต่อตลอดปี 2565 ซึ่งส่งผลให้แนวโน้มกำไรมีโอกาสเติบโต QoQ ต่อเนื่องถึง 3Q65 เป็นอย่างน้อย ทำให้เราปรับประมาณการขึ้นกำไรปกติปี 2565-66 ขึ้น 14.0% เป็น 1,670 ลบ. (+833.4%YoY) และขึ้น 13.2% เป็น 1,702 ลบ. (+1.9%YoY) ตามลำดับ เพื่อสะท้อนราคาขายไก่ที่สูงขึ้น และมีโอกาสปรับประมาณการขึ้นอีกหากราคาไก่สูงขึ้นมากกว่าที่ประเมินไว้
ปรับราคาเป้าหมายขึ้นอีกครั้ง… คงคำแนะนำ “ซื้อ”
ผลของการปรับประมาณการกำไรขึ้น อิง PER ตามเดิมที่ 16 เท่า ทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ ณ สิ้นปี 2565 ที่ 21.50 บาท มี Upside gain +19.4% คงคำแนะนำ ซื้อ นอกจากนี้ประมาณการยังมี Upside จากการขยายตลาดใหม่ทั้งในเอเชียและยุโรป รวมถึงกำลังการผลิตใหม่ของ Mckey ที่จะเริ่มรับรู้ตั้งแต่ 3Q65 เป็นต้นไป ยังเลือก GFPT ให้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับกลุ่มฟาร์มสัตว์บก เชิงกลยุทธ์นักลงทุนอาจหาจังหวะเข้าซื้อในช่วงที่ราคาหุ้นอ่อนตัว