บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action TRADING (Maintain)

TP upside (downside) +5.8%

Close Jun 23, 2022 Price (THB) 10.40

12M Target (THB) 11.00

Previous Target (THB) 11.00

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 2Q65 ที่ 126 ล้านบาท ลดลง QOQ หลัง GPM ถูกกดดันจากต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบที่สูง  แต่คาดเติบโตเล็กน้อย YoY จากการปรับราคาขายเป็น Cost Plus (ส่งผ่านต้นทุนราว 50%) และปริมาณขายที่ฟื้นตัว YoY หลังจากไม่มี Lockdown เหมือน 2Q64
  • กำไรปกติ 3Q65 มีแนวโน้มฟื้นตัว QoQ และ YoY เพราะคาดปริมาณขายขวดแก้วฟื้นตัว QoQ และ YoY หนุนจากการขยายเวลาปิดผับบาร์เป็น 02.00 น. และการยกเลิก Thailand Pass ซึ่งเพิ่มโอกาสในการกลับมาของนักท่องเที่ยว (หนุนการบริโภคในประเทศ)

Our view

  • คาด BGC ได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากการจัดตั้ง JV เพื่อทำธุรกิจเครื่องดื่มสำเร็จรูประหว่างกลุ่มบุญรอดฯ และ OR เนื่องจากบริษัทฯมีกลุ่มบุญรอดเป็นลูกค้าหลักอยู่แล้ว จึงมีโอกาสได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มเติมจาก JV ดังกล่าวด้วย
  • คงประมาณการปี 2565 ที่ 508 ล้านบาท และคงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 11.00 บาท/หุ้น มี Upside เพียง 5.8% จึงคงคําแนะนํา “Trading”
  • ในเชิงกลยุทธ์ BGC อาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกในการเก็งกำไรธีม Anti-Commodity จากการมีสัดส่วนต้นทุน พลังงานราว 30% ของต้นทุนรวม

BG CONTAINER GLASS คาดกำไรปกติ 2Q65 เติบโตได้เล็กน้อย YoY

คาดกำไรปกติ 2Q65 เติบโต YoY แม้ต้นทุนพลังงานสูง

คาดกำไรปกติ 2Q65 ที่ 126 ล้านบาทลดลง -6% QoQ แม้รายได้เติบโต +4% QoQ จาก 1) ต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น QoQ โดยต้นทุนดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนราว 30% ของต้นทุนรวม ทำให้ GPM ของบริษัทหดตัวลงจาก 14.9% ใน 1Q65 ลงมาอยู่ที่ 14.7% ใน 2Q65 2) ค่าใช้จ่าย SG&A ที่สูงขึ้น +3% QoQ จากปริมาณขายที่สูงขึ้นและ 3) รับรู้ผลกระทบจากการขายหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ออกไปแบบเต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก  แต่กำไรปกติ 2Q65 มีโอกาสเติบโตเล็กน้อย +1% YoY แม้มีต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบปรับตัวขึ้นสูง YoY เป็นปัจจัยกดดัน GPM เพราะมีปัจจัยที่สามารถชดเชยผลกระทบจากประเด็น ดังกล่าวได้เช่น 1) บริษัทฯ มีการเจรจากับลูกค้าเพื่อปรับรูปแบบการขายเป็น Cost Plus แล้ว 85-90% เพื่อลดผลกระทบจากต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบ (ส่งผ่านต้นทุนราว 50%) และ 2) คาดปริมาณขายของบรรจุภัณฑ์ประเภทแก้วฟื้นตัว YoY หลังไม่มีการ Lockdown เป็นวงกว้างและปิดผับบาร์เหมือนใน 2Q64 และหากกำไรปกติ 2Q65 ออกมาตามคาด กำไรปกติ 1H65 จะคิดเป็นสัดส่วนราว 51% ของประมาณการทั้งปี

กำไรปกติ 3Q65 มีแนวโน้มเติบโต QoQ และ YoY

กำไรปกติ 3Q65 มีแนวโน้มเติบโต QoQ และ YoY จากปริมาณขายบรรจุภัณฑ์แก้วมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของระดับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในประเทศ หลังที่ประชุม ศบค.มีการอนุมัติให้ผับบาร์สามารถเปิดได้จนถึงเวลา 02.00 น. จากเดิมที่เปิดได้ถึง 24.00 น. และการยกเลิกระบบ Thailand Pass สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. เป็นต้นไป ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการกลับมาของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ (หนุนปริมาณการบริโภคโดยรวมในประเทศ)

รอรับอานิสงค์จากการร่วมทุนของกลุ่มบุญรอดฯและ OR

เมื่อช่วงต้นเดือน มิ.ย. 65 กลุ่มบุญรอดฯ และ OR ได้มีการประกาศจัดตั้ง JV เพื่อทำธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มสำเร็จรูป (Ready-To-Drink: RTD) เน้นไปที่กลุ่มสินค้าประเภทชาและกาแฟ โดยจะวางจำหน่ายใน Modern Trade เช่น ร้านสะดวกซื้อ ซุปเปอร์มาร์เก็ต และไฮเปอร์มาร์เก็ต เป็นหลัก และเนื่องจาก BGC มีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นกลุ่มบุญรอดฯ อยู่แล้ว ทำให้มีโอกาสสูงที่จะได้รับคำสั่งซื้อบรรจุภัณฑ์จาก JV ดังกล่าวด้วย ซึ่งคาดจะเป็นคำสั่งซื้อบรรจุภัณฑ์กระดาษและพลาสติกเป็นหลัก (หนุน Utilization Rate ของบริษัทย่อยเช่น BGP และ BVP) ทั้งนี้ JV ดังกล่าวมีแผนเริ่มวางขายสินค้าในช่วงต้น 4Q65 จึงคาดบริษัทฯจะเริ่มได้รับคำสั่งซื้อตั้งแต่ช่วง 3Q65 เป็นต้นไป

คงคำแนะนำ “Trading” ที่ราคาเหมาะสม 11.00 บาท/หุ้น

คงประมาณการปี 2565 ที่ 508 ล้านบาท (+4% YoY) และคงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 11.00 บาท/หุ้น มี Upside เหลือเพียง +5.8% คงคำแนะนำ “Trading” โดยในเชิงกลยุทธ์อาจเป็นตัวเลือกในการเก็งกำไรในธีม Anti-Commodity หลังราคาพลังงานเริ่มมี Upside จำกัด นอกจากนี้บริษัทฯยังอยู่ระหว่างการศึกษาดีล M&A เพิ่มเติม คาดเป็นการลงทุนในธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนที่มีแนวโน้มเติบโตสูง และมี Synergy กับธุรกิจเดิมของบริษัทฯ ใช้เงินลงทุนราว 5-6 ร้อยล้านบาท คาดมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วง 4Q65

 

- Advertisement -