ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

บวกต่อ ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ หนุนจิตวิทยาตลาด

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันอังคาร บวกต่อ…. หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตามจิตวิทยาของตลาดหุ้นโลกที่ดีขึ้น (ตามคาด) และฟันด์โฟลว์ต่างชาติพลิกมาเป็นฝั่งซื้อสุทธิ หลังจากนักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยโดยรวมยังเป็นบวกเล็กน้อย กล่าวคือ i) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้แก่ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (durable goods order) และจำนวนสัญญาซื้อขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ออกมาสูงกว่าที่ consensus คาดการณ์ ทำให้ตลาดมองว่าสหรัฐฯ อาจจะรอดพ้นจาก recession ได้ในไตรมาส 2/2565 นี้ (อย่างไรก็ดี เรายังคงมุมมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลออย่างมีนัยสำคัญ ในครึ่งหลังของปี 2565) ด้านสัญญา CME เฟดฟันด์ฟิวเจอร์ให้น้ำหนักดอกเบี้ยเฟดสิ้นปี 2565 ที่ 3.50% ใกล้เคียงกับแผนภาพ dot-plot ของทางเฟด และไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปี 2566 แต่อย่างใด ทั้งนี้ตลาดไม่ได้กังวลมากนักต่อการผิดนัดชำระหนี้สกุลเงินต่างประเทศเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 100 ปีของรัสเซีย เนื่องจากมองว่าเป็นประเด็นทางการเมืองมากกว่าเศรษฐกิจ… ด้านปัจจัยภายในประเทศ นักลงทุนควรติดตามผลการประชุม ครม. ประจำสัปดาห์ในวันนี้ รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจไทย ทั้งรายงานการค้าระหว่างประเทศจาก ก.พาณิชย์ และข้อมูลรายเดือน พ.ค. ที่จะออกมาจากทาง ธปท. ขณะที่เช้าวันนี้ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทรง ตัวต่ำที่ 1,761 ราย เสียชีวิต 13 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 2,185 ราย

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร KBANK*, ADVANC*, HMPRO*

  • KBANK* (เป้าพื้นฐาน 188 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 149 บาท / แนวต้าน 151-153 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/-158 บาท (Stop loss 146 บาท) 2) คาดหุ้นกลุ่มธนาคารเตรียมรับอานิสงส์ i) แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของไทยเริ่มเข้าสู่ขาขึ้นใน 2H65 ii) แนวโน้มเศรษฐกิจ 2H65 ฟื้นตัว ทั้งจากการท่องเที่ยว (เปิดประเทศ) การส่งออก (ค่าเงินบาทอ่อน) ภาคการเกษตรและอาหาร (ปัญหาอาหารขาดแคลนในต่างประเทศ) ขณะที่คาด ธปท. เตรียมปรับมาตรการช่วยเหลือกลุ่มลูกหนี้ SME ii) คาดสรุปการจัดตั้ง JV เพื่อบริหารหนี้เสียได้ใน 3Q65 3) Valuation ไม่แพง PBV 0.73 เท่า คิดเป็นเพียงราว -1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต
  • ADVANC* (เป้า Consensus 244.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 200 บาท / แนวต้าน 204 บาท กรณี Break ผ่านแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสรีบาวน์ขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไป 210-213 บาท (Stop loss 196 บาท) 2) ประเมินการได้เป็นพันธมิตรคลื่น 700MHz กับทางบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) จะเป็นบวกต่อการแข่งขันในอุตสาหกรรมฯ (คาดเซ็นสัญญาเดือน ก.ค. นี้) 3) ราคาหุ้นพักฐาน Valuation น่าสนใจ PBV 7.9 เท่า (คิดเป็นราว -0.75 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต) ขณะที่ Consensus คาดกำไรปีหน้าฟื้น +11% YoY กลับไปยืนเหนือระดับ 3 หมื่นล้านบาท/ปี และคาด Dividend yield ปี 2565-66 เฉลี่ย 3.95% – 4.42% ตามลำดับ
  • HMPRO* (เป้าพื้นฐาน 17.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 12.9 บาท / แนวต้าน 13.4-13.8 บาท (Stop loss 12.6 บาท) 2) ประเมินราคาหุ้นพักฐานแรง (คาดกังวลผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ) อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินผลการดำเนินงาน 2Q65 จะโต YoY, QoQ จาก i) การเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ii) การฟื้นตัวของภาคอสังหาฯ โดยเฉพาะคอนโดฯ iii) ราคาสินค้าเกษตรที่ปรับขึ้นแรงกว่าเงินเฟ้อ เป็นบวกต่อกําลังซื้อของผู้บริโภคในภาพรวม 3) Valuation ไม่แพง Forward PE ลดลงเหลือ 27 เท่า คิดเป็นราว -1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต

หุ้นมีข่าว

(+) S กางแผน 6 ปี นิคมอ่างทองโกย 4 พันล้าน (ไทยโพสต์) นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สิงห์ เอสเตท หรือ S เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย ธุรกิจพักอาศัย ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจสำนักงานให้เช่าและพื้นที่ค้าปลีก และล่าสุดธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานเปิดตัวโครงการเอส อ่างทอง นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศสำหรับอาหาร และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ตั้งเป้าเป็น World Food Valley ชูแนวคิด Enriching Tomorrow ในการสร้างคุณค่า และความยั่งยืนให้ทุกชีวิต ด้วยธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน สังคม ส่งเสริมการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน สอดรับการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสิงห์ เอสเตท

(+) MAJOR* เล็งขายตั๋ว 100% หนังใหม่เรียงคิวเข้าฉาย (ทันหุ้น) MAJOR* ขานรับเตรียมประกาศให้โค วิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น หนุนยอดจำหน่ายตั๋วได้ 100% จากปัจจุบันที่จำหน่ายอยู่ที่ 75% เพิ่มรอบฉายกลับไปเป็นปกติที่ 6-7 รอบต่อวัน จากปัจจุบันที่ฉาย 4-5 รอบต่อวัน จับตาครึ่งปีหลังหนังใหม่ไทย-เทศ จ่อคิวเข้าฉายเพียบ  ฟากโบรกคาดต่อสัญญาเช่าพื้นที่เมเจอร์ รัชโยธิน และเมเจอร์ รังสิต ช่วยประหยัดต้นทุน 100 ล้านบาทต่อปี คิดเป็นมูลค่าเพิ่มในราคาหุ้นประมาณ 2.229 บาทต่อหุ้น จากราคาเหมาะสมที่ 24.18 บาท

(+) THCOM ร่วมมือ ‘โกลบอลสตาร์ ผุดโปรเจกต์แรก IoT Solution (ข่าวหุ้น) “ไทยคม” เปิดตัวโปรเจกต์ แรก IoT Solution ผ่านดาวเทียม LEO หลังเซ็นสัญญาร่วมกับ “โกลบอลสตาร์” สร้างระบบติดตามตัวเพื่อความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมทางทะเล Maritime ขานรับนโยบายภาครัฐในการเปิดประเทศหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง นำร่องใน จ. ภูเก็ต ก่อนขยายสู่พื้นที่ท่องเที่ยวอื่นๆ

(+) HFT พ้นจุดต่ำสุด ส่งซิกงบ Q2 สวย (ข่าวหุ้น) “ฮั้วฟง รับเบอร์ฯ” พ้นจุดต่ำสุดแล้ว คาดผลงานไตรมาส 2/65 ดีกว่าไตรมาสแรก ลั่นเดือนก.ค.นี้ เตรียมปรับขึ้นราคาขายยางจักรยาน 4-5% และยางมอเตอร์ไซค์ 5-8% หลังต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวขึ้น มั่นใจรายได้ปีนี้ตามเป้าโต 15%

(+) TVD ลงทุน 2 บริษัทใหม่ลุยไอที หวังต่อยอดธุรกิจไฟเบอร์สู่แพลตฟอร์ม (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) “ทีวี ไดเร็ค” เข้าถือหุ้น “นาสเกต รีเทล” 40% สตาร์ทอัปผู้พัฒนาจอัจริยะและสมาร์ทล็อกเกอร์ และร่วมลงทุนด้วยงบ 200 ล้านบาท กับ “เฟิร์สไมล์” ในโครงการระบบกระจายสัญญาณใยแก้วนำแสง (ไฟเบอร์ออฟติก) วางแผนต่อยอดธุรกิจไฟเบอร์ออฟติก สู่การพัฒนาแพลตฟอร์ม Service Management Platform (SMP) โดยเป็นแหล่งรวมบริการที่มีคุณภาพ ในเฟสแรกจะเริ่มให้บริการจำหน่ายจออัจฉริยะและล็อกเกอร์อัจฉริยะกับฐานลูกค้าคอนโดฯ ของเฟิร์สไมล์

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • BBL* (เป้าพื้นฐาน 155 บาท) แนวรับ 133 บาท / แนวต้าน 135-138 บาท (Trailing stop 133 บาท)
  • CPF* (เป้าพื้นฐาน 30.5 บาท) แนวรับ 25.75 บาท / แนวต้าน 26.5-27.5 บาท (Trailing stop 25.5 บาท)
  • OTO (เป้าพื้นฐาน 16.2 บาท) แนวรับ 13.7 บาท / แนวต้าน 14.2-15.0 บาท (Trailing stop 13.2 บาท)
  • M (เป้าพื้นฐาน 58 บาท) แนวรับ 51.5 บาท / แนวต้าน 53-55 บาท (Trailing stop 50 บาท)
  • BAFS (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 28.0 บาท / แนวต้าน 29.5-30.0 บาท (Stop loss 27.0 บาท)
  • BDMS* (เป้าพื้นฐาน 31 บาท) แนวรับ 24.7 บาท / แนวต้าน 25.25-26.5 บาท (Stop loss 24.2 บาท)
  • MAJOR* (เป้าพื้นฐาน 26.75 บาท) แนวรับ 21.4 บาท / แนวต้าน 22.0-22.5 บาท (Stop loss 21.1 บาท)
  • TFG (เป้าพื้นฐาน 8.1 บาท) แนวรับ 6.2 บาท / แนวต้าน 6.5-6.75 บาท (Stop loss 6.0 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • BAFS แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดจะรายงานผลขาดทุนราว 140 ล้านบาท ใน 2Q65 (ขาดทุนลดลงเทียบ YoY / แต่ขาดทุนมากขึ้นเทียบ QoQ) โดยคาดปริมาณการให้บริการน้ำมันอากาศยานในไตรมาสนี้เริ่มฟื้นตัว แต่เหตุที่ฝ่ายวิจัยฯ คาดผลการดำเนินงานจะอ่อนตัวลง QoQ เนื่องจากในไตรมาสนี้จะไม่มีการรับรู้รายได้เงินปันผลจากธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม และไม่มีกำไรพิเศษทางบัญชี เช่นใน 1Q65 ทั้งนี้คาดปริมาณการให้บริการน้ำมันฯ จะถึงจุดคุ้มทุนใน 3Q65 และค่อยๆ ฟื้นตัว ต่อเนื่องตามภาคการท่องเที่ยว จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ”
- Advertisement -