ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
ปรับลงต่อ ฟันด์โฟลว์ชะลอตัวในช่วงสั้น
ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันพฤหัสฯ ลดลงต่อ…. หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยปรับลงแรงกว่าที่เราคาดเล็กน้อย ตามการปรับฐานของตลาดหุ้นเอเชีย หลังนักลงทุนยกระดับความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ ส่งผลให้ฟันด์โฟลว์ต่างชาติชะลอตัว… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยต่างประเทศเป็นลบมากขึ้น กล่าวคือ i) สหรัฐฯ รายงาน GDP ไตรมาส 1/2565 (รอบสุดท้าย) ติดลบ 1.6% QoQ เทียบ รายปี ซึ่งต่ำกว่าที่ consensus คาดเล็กน้อย และ ii) ประธาน ธ.กลางสหรัฐฯ (US Fed) นาย Jerome Powell ร่วมสัมมนากับธ.กลางยุโรป (ECB) แถลงว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อของเฟดนั้น จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลง แต่ว่ามีความจำเป็น….. ประเด็นข่าวต่างๆ เหล่านี้ ส่งผลให้ดัชนี ค่าเงินดอลล่าร์ฯ รีบาวด์ค่อนข้างแรง ในฐานะ ‘safety currency” และน่าจะกดดันฟันด์โฟลว์ต่อไปในระยะสั้น ทั้งนี้ในคืนวันนี้ สหรัฐฯ จะรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ เงินเฟ้อ core PCE เดือน พ.ค. ซึ่ง Consensus คาดไว้ที่ 4.8% YoY ชะลอจาก 4.9% YoY ในเดือน เม.ย…. ด้านปัจจัยภายในประเทศวันนี้ ธปท. จะแถลงตัวเลขเศรษฐกิจเดือน พ.ค. ซึ่งทางเราคาดว่าการท่องเที่ยวและการบริโภคส่วนบุคคลน่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการเปิดประเทศ เปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน
เก็งกำไร MAKRO, KBANK*, BEM*
- MAKRO (เป้าพื้นฐาน 44 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 35 บาท / แนวต้าน 37.5 บาท กรณี Breal ผ่านแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสฟื้นตัวทดสอบแนวต้านถัดไป +/-40 บาท (Stop loss 34 บาท) ทั้งนี้ MACD และ RSI เริ่มส่งสัญญาณ Bullish divergence 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานจะค่อยฟื้นตัวจากการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม Horeca ที่นำไปใช้ในธุรกิจร้านอาหาร คาดผลการดำเนินงาน 2H65 จะเติบโต HoH 3) ฝ่ายวิจัยฯคาด Forward PE ปี 2566 จะลดลงเหลือ +/-26 เท่าจาก +/-35 เท่าในปีนี้ จากการคาดการณ์กำไรปีหน้าเติบโต +32% YoY และคาด EPS ปีหน้าจะกลับมาเติบโต +32% YoY หลังจากที่พ้นผลของ Dilution effect ที่เกิดขึ้นในปีนี้ และเริ่มรับรู้ Synergy benefit จากการซื้อ Lotus
- KBANK* (เป้าพื้นฐาน 188 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 149 บาท / แนวต้าน 151 – 153 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/-158 บาท (Stop loss 146 บาท) 2) คาดหุ้นกลุ่มธนาคารเตรียมรับอานิสงส์ i) แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของไทยเริ่มเข้าสู่ขาขึ้นใน 2H65 ii) แนวโน้มเศรษฐกิจ 2H65 ฟื้นตัว ทั้งจากการท่องเที่ยว (เปิดประเทศ) การส่งออก (ค่าเงินบาทอ่อน) ภาคการเกษตรและอาหาร (ปัญหาอาหารขาดแคลนในต่างประเทศ) ขณะที่คาด ธปท. เตรียมปรับมาตรการช่วยเหลือกลุ่มลูกหนี้ SME iii) ประเด็นบวกจากข่าวจัดตั้ง JV กับ JMT เพื่อบริหารหนี้เสีย 3) Valuation ไม่แพง PBV 0.73 เท่า คิดเป็นเพียงราว -1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต
- BEM* (เป้า Consensus 9.96 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 8.7 บาท / แนวต้าน 8.95 – 9.15 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 9.4 บาท (Stop loss 8.6 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจาก i) แม้จะมีการตรึงราคาค่าโดยสารที่ ครม.มีมติอนุมัติ ให้ปรับขึ้นแล้วไปจนถึงสิ้นปีนี้ แต่เราประเมินผลกระทบด้านลบต่อพื้นฐานของ BEM* ไม่มาก ขณะที่ปีหน้าจะรับแรงส่งทั้งจากจํานวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น จากการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว และราคาค่าโดยสารที่ปรับขึ้น 3) Consensus คาดกำไรปี 2565 – 66 โต +153% YoY และ +44% YoY ตามลำดับ
หุ้นมีข่าว
(+) SENA ร่วม LEO ต่อยอดธุรกิจ ลุย ‘แวร์เฮาส์’ (ไทยโพสต์) SENA ส่งเอสเค แอสเซ็ท แมเนจเม้นท์ ผนึกกำลัง “ลีโอ โกลบอล” ปูทางต่อยอดธุรกิจบริการคลังสินค้าให้เช่าแบบครบวงจร เล็งเขตพื้นที่อีอีซีโลเกชันศักยภาพรองรับการเติบโตของตลาด
(-) เบรก MRT ขึ้นราคา “คมนาคม” ตรึงถึงสิ้นปี (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) ‘ชัชชาติ’ รับดูตัวสีเขียวใหม่ “คมนาคม” หารือ BEM* ตรึงค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน อัตรา 17-42 บาท ถึง 31 ธ.ค.65 เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในภาวะค่าครองชีพสูงขึ้น “ศักดิ์สยาม”เผยไม่มีการชดเชยใดๆ ให้เอกชน ที่ยินดีร่วมมือกับภาครัฐ ด้าน “ชัชชาติ” รับพิจารณา 5 ข้อเสนอ จากสภาองค์กรของผู้บริโภค ชงรถไฟฟ้าสายสีเขียว 44 บาทตลอดสาย พร้อมหาจุดสมดุลระหว่างผู้ใช้ไม่ได้ใช้บริการ หากต้องนำเงินมาชดเชยรายได้
(+) JKAMC เป้าปีนี้ 5 หมื่นล. ไตรมาส 4 บุ๊กกำไรทันที โบรกฯ คาดปีนี้ JMT กำไร 2.3 พันล. โต 64% (ข่าวหุ้น) “เจเค เอเอ็มซี” บริษัทร่วมทุน JMT* กับ KBANK* ประเดิมรับหนี้ก้อนแรกเข้ามาบริหาร 3 หมื่นล้านบาท วันนี้ (30 มิ.ย.) ส่วนสิ้นปียอดเพิ่มเป็น 5 หมื่นล้านบาท พร้อมบันทึกกำไรสิ้นปี 65 ทันที เผยยอดหนี้จะเพิ่มเป็น 1 แสนล้านบาท ภายใน 3 ปีข้างหน้า โบรกฯ ต่างมองเชิงบวกกับเจ เอ็ม ทีฯ คาดปี 65 กำไร 2.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% และปีหน้าขยับขึ้นเป็น 3.3 พันล้านบาท
(+) INET รับโชครัฐเว้นภาษี ดันลูกเข้ากระดานสาม (ทันหุ้น) INET รับอานิสงส์รัฐเว้นภาษีดาต้า เซ็นเตอร์ โอกาสดึงต่างชาติลงทุนในไทยเพิ่ม แย้มบริการคลาวด์ครึ่งปีหลังโตดีกว่าครึ่งปีแรก เผยบริษัทดิจิทัล แพลตฟอร์มเติบโตแรง มั่นใจผลงานทั้งปี 2565 โต 10-20% ตามเป้า เดินหน้าขยายกองทุน INETREIT ระดมทุนเพิ่มอีกราว 2-3 พันล้านบาท เผยเตรียมนำบริษัทในเครือเข้าเทรดกระดาน LiVE Exchange ปลายปี
(+) TVD ซูเปอร์โฮลดิ้งส์ซื้อหุ้นทีวีดีโบรกเกอร์จ่อดันบริษัทเข้าตลาด (ทันหุ้น) TVD เดินหน้าเข้าซื้อกิจการ “ทีวีดี โบรกเกอร์” 100% และซื้อหุ้น 10.10% ใน “ฟู้ด ออเดอรี่” จากเอบีพีโอที่เป็นบริษัทในเครือ เพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจทรานส์ฟอร์ม “ซูเปอร์โฮลดิ้งส์ คอมปานี” พร้อมต่อยอดธุรกิจกลุ่มประกันและอาหาร หนุนเอบีพีโอเตรียมบันทึกกำไรจากการขายหุ้นครั้งนี้และล้างขาดทุนสะสมได้ทั้งหมด พร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์
หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า
- BBL* (เป้าพื้นฐาน 155 บาท) แนวรับ 133 บาท / แนวต้าน 135-138 บาท (Trailing stop 133 บาท)
- CPF* (เป้าพื้นฐาน 30.5 บาท) แนวรับ 26.0 บาท / แนวต้าน 26.5-27.5 บาท หากผ่านได้ประเมินแนวต้านถัดไป 29 บาท (Trailing stop 25.5 บาท)
- OTO (เป้าพื้นฐาน 16.2 บาท) แนวรับ 13.7 บาท / แนวต้าน 14.2-15.0 บาท (Trailing stop 13.3 บาท)
- M (เป้าพื้นฐาน 58 บาท) แนวรับ 51.75 บาท / แนวต้าน 53-55 บาท (Trailing stop 50 บาท)
- BAFS (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 28.5 บาท / แนวต้าน 29.5-30.0 บาท (Stop loss 27.0 บาท)
- BDMS* (เป้าพื้นฐาน 31 บาท) แนวรับ 24.8 บาท / แนวต้าน 25.25-26.5 บาท (Stop loss 24.5 บาท)
- MAJOR* (เป้าพื้นฐาน 26.75 บาท) แนวรับ 21.3 บาท / แนวต้าน 22.0-22.5 บาท (Stop loss 21.1 บาท)
- TFG (เป้าพื้นฐาน 8.1 บาท) แนวรับ 6.25 บาท / แนวต้าน 6.5-6.75 บาท (Stop loss 6.0 บาท)
- HMPRO* (เป้าพื้นฐาน 17.5 บาท) แนวรับ 12.9 บาท / แนวต้าน 13.4-13.8 บาท (Stop loss 12.6 บาท)
- ADVANC* (เป้า Consensus 244.5 บาท) แนวรับ 197 บาท / แนวต้าน 204-208 บาท (Stop loss 196 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
AEONTS* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 216 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 1Q65/66 (มี.ค. – พ.ค.) = 1.0 พันล้านบาท (+10% QoQ, -13% YoY) โดยกำไรที่ฟื้นตัว QoQ มาจากการฟื้นตัวของสินเชื่อทั้งในประเทศและที่กัมพูชา ขณะที่มีการขายหนี้เสียออกไป ขณะที่กำไรที่ชะลอตัวลง YoY เป็นผลจากในปีก่อนมีการตั้งสำรองที่ต่ำกว่า (Low base effect)