บล.ทรีนีตี้

กรุงเทพดุสิตเวชการ – BDMS

ประกาศ Tender Offer หุ้น SVH 4.24%

  • BDMS แจ้ง Tender Offer หุ้นบริษัทสมิติเวช (SVH) จำนวน 4.236 ล้านหุ้น หรือ 4.24% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ในราคา 480 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 2.03 พันล้านบาท
  • คาดมี Upside ต่อคาดการณ์กำไรสุทธิของ BDMS ราว 3%
  • แหล่งเงินทุนคาดว่าจะใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัท ไม่กระทบระดับ D/E
  • ยังคงคาดการณ์กำไรปี 2565 ที่ 1.01 หมื่นล้านบาท เติบโต 27.3% YoY
  • แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 30.00 บาท โดยวิธี DCF อิงค่า WACC ที่ 7.9%

ประกาศทำคำเสนอซื้อ เพื่อเพิกถอน SVH

BDMS ได้แจ้งความประสงค์ที่จะทำคำเสนอซื้อหุ้นบริษัทสมิติเวช (SVH) เพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ (Delist) ของ SVH โดยเข้าทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ SVH ในส่วนที่เหลือ 4,236 ล้านหุ้น หรือ 4.24% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ในราคา 480 บาทต่อหุ้น (ราคาปิดวันที่ 29 มิ.ย. 2565 อยู่ที่ 420 บาทต่อหุ้น) ซึ่งเป็นราคาที่ไม่ต่ำกว่าราคาสูงสุดของราคาที่คำนวณตามหลักเกณฑ์ของประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน และคิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 2,033 พันล้านบาท โดยปัจจุบัน BDMS ถือหุ้น SVH อยู่ที่ 95.76% และ BDMS มีสัดส่วนรายได้จาก SVH ที่ 15% โดยใน 1Q65 SVH มี กำไรสุทธิอยู่ที่ 682 ล้านบาท

  • หลังจากเข้าถือหุ้น 100% ของ SVH คาดว่า Upside ต่อคาดการณ์กำไรสุทธิราว 3%
  • ณ สิ้น 1Q65 BDMS มีเงินสดอยู่ที่ 1.13 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้สามารถเข้าซื้อหุ้น SVH มูลค่า 2.03 พันล้านบาทได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องกู้เงินเพิ่ม จึงไม่กระทบดอกเบี้ยจ่าย และยังคงคาดระดับ D/E จะยังอยู่ที่ระดับ 0.09X ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ต่ำมาก
  • การลงทุนในโครงการ BDMS Silver Wellness and Residence มูลค่า 2.35 หมื่นล้านบาท จะเป็นการทยอยลงทุน โดยในปี 2565 จะมีการจ่ายเงิน 2.5 พันล้านบาท สำหรับ Lend lease จึงคาดว่าระดับ D/E ยังจะสามารถควบคุมให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 0.5X
  • รออนุมัติจากการประชุมผู้ถือหุ้น SVH ในวันที่ 19 ส.ค. 2565 เพื่อที่จะทำการ Delist หุ้น SVH

ยังคงคาดการณ์กำไรปี 2565-2566

ยังคงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2565-2566 ที่ 1.01 หมื่นล้านบาท และ 1.07 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้จากกลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวชมีสัดส่วนอยู่ที่ 15-18% ของรายได้รวมของ BDMS และคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากกลุ่มคนไข้ Fly In ที่เริ่มกลับมามีสัดส่วนรายได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีรายได้/บิลสูงกว่าคนไข้ไทย ส่งผลให้ EBITDA Margin คาดว่าจะอยู่ที่ 22-23% และการลงทุนในโครงการ BDMS Silver Wellness and Residence มูลค่า 2.35 หมื่นล้านบาท จะเป็นการทยอยลงทุน จึงคาดว่าระดับ D/E ยังจะสามารถควบคุมให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 0.5X

ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 30.00 บาท

ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 30.00 บาท ด้วยวิธี DCF อิง WACC ที่ 7.8% การเติบโของรายได้ในปี และกำไร 2565 คาดว่าจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างดี จาก Pent Up demand ของคนไข้ชาวไทยและต่างชาติ

- Advertisement -