บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action SELL (maintain)
TP upside (downside) -11.8%
Close Jun 29, 2022 Price (THB) 4.42
12M Target (THB) 3.90
Previous Target (THB) 3.90
What’s new?
- คาด Presale 2Q65 ที่ 2.3 พันลบ. (+8% QoQ, +14% YoY) โดย Presale 6M65 คิดเป็นเพียง 34% เมื่อเทียบกับเป้าหมายทั้งปีของบริษัทที่ 1.3 หมื่นลบ.
- คาดกำไรปกติใน 2Q65 เบื้องต้นที่ 135-160 ลบ. (-29% ถึง -16% QoQ, +12% ถึง 32% YoY) ลดลง QoQ เนื่องจาก Backlog ส่วนใหญ่ของโครงการเตาปูนรับรู้ไปแล้วใน 1Q65 อย่างไรก็ตาม จะมีคอนโดสร้างเสร็จใหม่ที่เล็กกว่าเข้ามาโอน ช่วยหนุนกำไรเติบโต YoY ได้
Our view
- คาดกำไรในช่วง 2H65 จะลดลง HoH (แต่เติบโต YoY จากฐานต่ำใน 2H64) เนื่องจากคอนโดที่เสร็จใหม่ พร้อมโอนในปี 2565 ส่วนใหญ่รับรู้รายได้ไปแล้วในช่วง 1H65
- คงประมาณการปี 2565 ที่ 594 ลบ. เติบโต 98.6% YoY จากฐานต่ำในปี 2564
- คงคำแนะนำ “ขาย” ราคาเหมาะสม สิ้นปี 2565 ที่ 3.90 บาท/หุ้น ทั้งนี้ ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน PER 2565 ที่ 11.0x สูงกว่ากลุ่มที่ราว 7.7x ค่อนข้างมาก
LPN DEVELOPMENT Presale 2Q65 ยังไม่น่าตื่นเต้น
คาด Presale 2Q65 เพิ่มขึ้น QoQ และ YoY
เราคาด Presale ในช่วง 2Q65 ที่ 2.3 พันลบ. (+7.8% QoQ, +13.7% YoY) เป็นสัดส่วนของคอนโด-บ้าน ที่ 70:30 ตามลำดับ โดยยอดขายทั้งคอนโดและบ้านส่วนใหญ่มาจากการขายสินค้าคงเหลือเป็นหลัก ทั้งนี้ บริษัทมีการเปิดตัวโครงการคอนโดใหม่ทั้งสิ้น 2 โครงการ ได้แก่ Lumpini Place Chaengwatthana Pakkret Station (เฟส 2, 1.2 พันลบ.) และ Place 168 Pinklao (2.4 พันลบ.) ทำ Take up rate เฉลี่ยระดับ 10% +/-
สำหรับแนวโน้ม Presale ใน 2H65 คาดทรงตัวถึงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย HoH และทรงตัว YoY จากแผนเปิดตัว โครงการใหม่ 8 โครงการ (มี 3 โครงการที่เลื่อนมาจากไตรมาสสอง) แบ่งเป็น คอนโด 3 โครงการ รวมมูลค่า 5.1 พันลบ. และแนวราบ 5 โครงการ รวมมูลค่า 4.2 พันลบ. ทำให้โดยรวมแล้วในปี 2565 บริษัทมีแผนเปิดตัว โครงการใหม่ ทั้งหมด 10 โครงการ รวมมูลค่า 1.3 หมื่นลบ. (+171.6% YoY)
นอกจากนี้ หาก Presale 2Q65 ใกล้เคียงกับที่เราคาดจะทำให้ Presale 6M65 อยู่ที่ 4.4 พันลบ. และคิดเป็น เพียง 34.1% เมื่อเทียบกับเป้าหมายทั้งปีของบริษัทที่ 1.3 หมื่นลบ. (+46.2% YoY) อย่างไรก็ดี เราคาดูว่าหาก บริษัทมีการเลื่อนเปิดตัวโครงการในช่วงที่เหลือของปีไปยังปี 2566 จะส่งผลให้เป้าหมาย Presale ทั้งปีของบริษัทมี Downside ราว 15-25%
คาดกำไรปกติ 2Q65 ลดลง QoQ แต่เติบโต YoY
คาดเบื้องต้นกำไรปกติใน 2Q65 ที่ 135-160 ลบ. (-29% ถึง -16% QoQ, +12% ถึง 32% YoY) ปรับตัวลดลง QoQ เนื่องจากใน 1Q65 มีการโอน Backlog ส่วนใหญ่ของโครงการ Lumpini Place Taopoon Interchange (มูลค่า 1.7 พันลบ. Sold 53%) ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ใน 2Q65 บริษัทมีโครงการ Lumpini Selected Charan 65 Sirindhorn Station (1.1 พันลบ. Sold 20%) เข้ามาโอน และคาดว่าส่วนใหญ่รับรู้รายได้ในไตรมาสนี้ เทียบกับ 2Q64 มีเพียงการโอนสินค้าคงเหลือ เป็นผลให้แนวโน้มกำไรคาดเติบโตได้ YoY
สำหรับแนวโน้มกำไรในช่วงที่เหลือของปี เราคาดกำไรจะลดลง HoH ในช่วง 2H65 (แต่เติบโต YoY จากฐานต่ำ ใน 2H64) เนื่องจาก Backlog คอนโดสร้างเสร็จใหม่คาดรับรู้รายได้ใน 2H65 อยู่ที่เพียง 400 ลบ. เทียบกับ 1H65 ที่ 1.1 พันลบ.) โดยในช่วงที่เหลือของปีจะมีคอนโดสร้างเสร็จใหม่อีก 2 โครงการคาดเริ่มโอนปลาย 3Q65 ได้แก่ Lumpini Ville Chaengwatthana Pakkret Station (1.1 พันลบ. Sold 28%) และ Lumpini Ville Chaengwatthana 10 (540 ลบ. Sold 19%) ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาดีลขาย Big lot อาคารสำนักงานที่ติดกับโครงการ Lumpini Park Vibhavadi Chatuchak (มูลค่าไม่น้อยกว่า 2.0 พันลบ.) เราคาดว่าจะมีรายละเอียดเพิ่มเติมในวันประชุมนักวิเคราะห์ช่วง ส.ค. 2565 และถือเป็น Upside risk ที่เรายังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ
คงประมาณการปี 2565 ที่ 594 ลบ. เติบโต 99% YoY
เราคงประมาณการปี 2565/66 ที่ 594 ลบ. (+98.6% YoY จากฐานต่ำในปี 2564) และ 838 ลบ. (+41.1% YoY) ตามลำดับ ทั้งนี้ ณ สิ้น 1Q65 บริษัทมี Backlog จำนวน 2 5 พันลบ. คาดรับรู้เป็นรายได้ในปี 2565 ที่ 1.8 พันลบ. คิดเป็น Secured Transfer เพียง 56.0% และ 47.6% เมื่อเทียบกับประมาณการของเราและเป้าหมาย ของบริษัทที่ 6.4 พันลบ. และ 7.5 พันลบ. ตามลำดับ ส่งผลให้คาดว่าเป้ายอดโอนกรรมสิทธิ์ของบริษัทน่าจะมี Downside ราว 10-15 +/-
คงคำแนะนำ “ขาย” ราคาเหมาะสมสิ้นปี 2565 ที่ 3.90 บาท/หุ้น
คงคำแนะนำ “ขาย” ราคาเหมาะสมสิ้นปี 2565 ที่ 3.90 บาท/หุ้น (อิง PER2565 ที่ 9.7x เทียบเท่า +0.75 SD จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ของบริษัท) เนื่องจาก 1) แนวโน้มกำไรปกติคาดลดลง HoH ในช่วง 2H65 (ไม่รวมขาย Big lot อาคารสำนักงาน) 2) บริษัทยังคงใช้กลยุทธ์ทางด้านราคาในการระบาย Inventory โครงการแนวสูง อย่างต่อเนื่อง (จากอุปสงค์โครงการแนวสูงกลุ่มกลางล่างที่อ่อนแอ) ทำให้เป็นประเด็นกดดัน GPM และ 3) ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อ-ขายบน PER2565 ที่ 11.0x สูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ราว 7.7x ดังนั้น เชิงกลยุทธ์จึงยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุนจนกว่าจะมีปัจจัยบวกใหม่