Our View? “อ่อนกำลัง”
คาดตลาดวันนี้ “กรอบแคบ” มีโอกาสลดลง ยังให้น้ำหนักต่อความกังวลต่อเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการส่งสัญญาณเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายๆ ประเทศ รวมถึงเฟด เพื่อสกัดเงินเฟ้อ คาดส่งต่อการไหลเข้าของ Fund Flow ส่วนเกินลดลง ในระยะถัดไป ล่าสุด PCE ทั่วไปของสหรัฐฯ เดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 6.3%YoY ต่อเนื่องจาก เพิ่มขึ้น 6.3% เมื่อเดือนเม.ย. (ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุม ชราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จากกระทรวงแรงงานสหรัฐ) รวมถึง UBS ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี’65 และระบุว่ายูโรโซนกำลังเข้าสู่ภาวะเงินเฟ้อสูงและเศรษฐกิจชะลอตัว (stagflation) แนะติดตามข้อมูลเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.ของยูโรโซน ก่อนประชุม ECB (21/7/65) คาดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับแต่ปี’54
พร้อมหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ได้รับปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมัน ล่าสุดสัญญาราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 4.02 ดอลลาร์ หรือ 3.7% อยู่ที่ 105.76 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย และความต้องการพลังงานชะลอตัว ขณะที่ผลการประชุม OPEC+ มีมติเพิ่มกำลังการผลิต 648,000 บาร์เรล/วันในเดือนส.ค. สอดคล้องกับมติเดิมในการประชุมเมื่อ 2/6/65 เพิ่มกำลังการผลิต 648,000 บาร์เรล/วัน ทั้งในเดือนก.ค. และส.ค. หลังเพิ่มกำลังการผลิต 432,000 บาร์เรล/วัน ในเดือนมิ.ย. โดยยังไม่มีการหารือเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันในเดือนก.ย. ซึ่งจะมีการประชุมครั้งต่อไป 3/8/65
แนะติดตามผลการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐและอิหร่าน หากมีสัญญาณบวกจากการประชุมดังกล่าว มองเป็นการเปิดทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันดิบได้อีกครั้ง ทําให้มองว่าการปรับขึ้นของราคาน้ำมันหลังจากนี้อาจเป็นไปอย่างจำกัด รวมถึงการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย ของ ปธน.ไบเดน (15 16/7/65) เห็นควรให้ทุกประเทศรอบอ่าวเปอร์เซียเพิ่มการผลิตน้ำมัน
ขณะที่เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อ (1) จีนเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 มากขึ้น มองเป็นการส่งสัญญาณถึงการเตรียมเปิดประเทศของจีนในระยะถัดไป คาดเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-สายการบิน (AOT, MINT, CENTEL, ERW, SPA, AAV และ BA) และ (2) ติดตามการยกเลิกมาตรการกีดกันสินค้านำเข้าจีนของสหรัฐ ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะหมดอายุลงในช่วงเดือน ก.ค. หากไม่มีมาตรการใดออกมาเพิ่มเติม มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางตลาดในภูมิภาค
ทางด้านปัจจัยในประเทศ ให้น้ำหนักกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ คาดช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป เช่น กลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม สายการบิน-รพ จากจำนวน นทท. ต่างชาติ ที่มีแนวโน้มดีขึ้น 2H165 โดยเฉพาะ 4Q/65 รวมถึงกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB, BBL และ TTB) คาดผลประกอบการ 2Q65 ฟื้นตัวต่อเนื่องจาก 1Q65 ภายใต้ปัจจัยหนุนจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 และเปิดรับนักท่องเที่ยว พร้อมปัจจัยบวกจากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ กนง. ในช่วงเดือน ส.ค.
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “KBANK” ส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน (1) ลูกหนี้ที่เข้าโครงการช่วยเหลือจาก BANK ลดลง (2) ระดับ NPL Ratio ลดลงตามลำดับ อยู่ที่ 3.78% ใน 1Q65 และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องใน 2Q65 (3) ระดับ ECL เริ่มลดลงเหลือต่ำกว่าระดับ 10,000 ล้านบาทต่อไตรมาส ใกล้เคียงช่วง Pre Covid-19 และ (4) สินเชื่อ กลับมาเติบโตอีกครั้ง โดยเฉพาะสินเชื่อ retail ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นของ Bank “ราคาเป้าหมาย (เชิงพื้นฐาน) 185.00 บาท”