บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action TRADING (Downgrade)

TP upside (downside) +13.3%

Close Jul 1, 2022 Price (THB) 16.60

12M Target (THB) 18.80

Previous Target (THB) 22.00

What’s new?

  • เราคาดกำไรปกติ 2Q65 ที่ ท 1,193 ลบ. (-34.7%QoQ, +50.2%YoY) ลดลงจากสาเหตุหลัก คือ SG&A ที่สูงขึ้นตามต้นทุนการขนส่ง และการรับรู้ผลขาดทุนจากการตีมูลค่ายุติธรรมของหุ้นบุริมสิทธิใน Red Lobster ราว 300 ลบ. จากปกติที่จะรับรู้เป็นกำไรไตรมาสละราว 250-300 ลบ.
  • คาดแนวโน้ม 3Q65 เบื้องต้นฟื้นตัว QoQ ได้จากผลการดำาเนินงานหลักที่เติบโต แต่ YoY จะยังชะลอตัวจากการที่จะหยุดรับรู้กำไรจากการถือหุ้นบุริมสิทธิใน Red Lobster

Our view

  • เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2565 และปี 2566 ลง 15.9% และ 5.8% เป็น 6,093 ลบ. (-24.6%YoY) และ 7,446 ลบ.(+22.2%YoY) ตามลำดับ เพื่อสะท้อนการหยุดรับรู้กำไรจากการถือหุ้นบุริมสิทธิใน RL จากอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเรา
  • ผลของการปรับประมาณการลง ทําให้เราได้ราคาเป้าหมายใหม่ของ TU อิงวิธี SOTP ที่ 18.80 บาท มี Upside gain เหลือเพียง 13.3% จึงปรับลดคำแนะนำ จาก ชื้อ เป็น “TRADING”

THAI UNION GROUP ชะลอการลงทุนจากปัจจัยที่เหนือความคาดหมาย

2Q65 จะรับรู้ผลขาดทุนของหุ้นบุริมสิทธิใน Red Lobster

เราคาดรายได้ใน 2Q65 ที่ 3.17 หมื่นลบ. (+6.0%QoQ, +7.2%YoY) จากการรับรู้ผลของการปรับราคาขึ้น สินค้ากลุ่ม Own-branded ราว 5-7% และปริมาณคำสั่งซื้อที่สูงขึ้นในกลุ่มอาหารทะเลแปรรูปที่ได้ประโยชน์จากความกังวลด้านการขาดแคลนอาหารในต่างประเทศ และกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงที่สูงขึ้น ส่วน GPM คาดที่ 17.7% ฟื้นตัวเล็กน้อยจาก 17.5% ใน 1Q65 แม้จะเริ่มรับรู้ต้นทุนปลาทูน่าที่สูงขึ้น แต่ชดเชยได้ด้วยราคาขายที่ปรับขึ้น และค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ขณะที่ SG&A คาดเพิ่มขึ้นเป็น 5,190 ลบ. จาก 4,688 ลบ.ใน 1Q65 จากต้นทุนค่าขนส่งที่ยังอยู่ในระดับสูง และก็รับรู้ค่าใช้จ่ายพิเศษราว 200 ลบ. จากการยกเลิกโรงงานบางแห่งในประเทศเยอรมนี ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมคาดที่ 190 ลบ. จากผลดำเนินงานของ Red Lobster (RL) ที่ยังไม่ฟื้นตัว คาดรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก RL ที่ 250 ลบ. นอกจากนี้ บริษัทจะรับรู้ผลขาดทุนของการตีมูลค่ายุติธรรมของการถือหุ้นบุริมสิทธิใน RL ราว 300 ลบ. จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในสหรัฐฯ จากเดิมที่รับรู้เป็นกำไรไตรมาสละราว 250-300 ลบ. แม้จะชดเชยได้บางส่วน จากการที่จะรับรู้เครดิตภาษีเงินคืนมากขึ้น ส่งผลให้กำไรปกติใน 2Q65 คาดจะเป็นจุดต่ำสุดของปีที่ 1,193 ลบ. (-34.7%QoQ, -50.2%YoY)

คาดปี 2565 จะหยุดรับรู้กำไรของหุ้นบุริมสิทธิใน RL ..ปรับประมาณการลง

เราคาดแนวโน้มกำไร 3Q65 เบื้องต้นจะฟื้นตัว QoQ ได้จากผลการดำเนินงานหลักที่จะฟื้นตัวต่อจากปัจจัยฤดูกาลที่เป็นช่วง High Season ของธุรกิจ และจะเริ่มรับรู้ผลของแนวโน้มต้นทุนราคาปลาทูน่าที่ลดลง โดยราคาปลาทูน่าเดือนมิ.ย. ลดลงเหลือราว 1,400 USD/ตัน (-12.5%MoM) และลดลงจากระดับสูงสุดที่ 1,900 USD/ตันในเดือนมี.ค. ขณะที่กำไรเทียบ YoY คาดจะยังชะลอตัวจากสาเหตุหลัก คือ ผลการดำเนินงานของ RL ที่จะยังฟื้นตัวได้ช้า และคาดว่าจะไม่รับรู้กำไรจากการตีมูลค่ายุติธรรมของหุ้นบุริมสิทธิใน RL จากปีก่อนที่รับรู้กำไร 295 ลบ.

โดยเราคาดว่าทั้งปี 2565 TU จะหยุดรับรู้กำไรจากการตีมูลค่ายุติธรรมของการถือหุ้นบุริมสิทธิใน RL (รับรู้กำไรจากหุ้นบุริมสิทธิเท่ากับ 0) จากปกติที่รับรู้ปีละราว 1,000-1250 ลบ. และปี 2566 มีโอกาสที่จะหยุดรับรู้กำไรต่ออีก หากอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ ยังสูงขึ้นต่อ ซึ่งเป็นปัจจัยที่อยู่เหนือความคาดหมายของเรา ทำให้เราปรับประมาณการกำไรปี 2565-66 ลง 15.9% และ 5.8% ตามลำดับเป็น 6,093 ลบ.(-24.6%YoY) และ 7,446 ลบ. (+22.2%YoY) ตามลำดับ เพื่อสะท้อนปัจจัยดังกล่าว และปรับสมมติฐานอัตราภาษีจ่ายที่แท้จริงลงเล็กน้อยสะท้อนภาษีเงินคืนจากผลการดำเนินงานขาดทุนที่มากขึ้นของ RL

ปรับราคาเป้าหมายลง และปรับคำแนะนำลงเป็น “Trading”

ผลของการปรับประมาณการลง และอิงวิธีการประเมินมูลค่าแบบ SOTP แยกระหว่างธุรกิจหลักที่เป็นอาหารทะเล และธุรกิจ PetCare&Value-added ทำให้เราได้ราคาเป้าหมายใหม่สิ้นปี 2565 อยู่ที่ 18.80 บาท เทียบเท่า PER65 ที่ 13.0 เท่า มี Upside gain เหลือเพียง 13.3% จึงปรับคำแนะนำลงจาก ซื้อ เป็น Trading เชิงกลยุทธ์แนะนำชะลอการลงทุนไปก่อน

- Advertisement -