บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:

Thailand Banks: คาดกำไร 2Q65 โตแกร่ง YoY

คงมุมมองบวก หุ้นเด่น KBANK, KTB & KKP

เราคาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะ outperform ดัชนี SET ในปี 2565 จากผลประกอบการที่ดีขึ้น เราเชื่อว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมาได้ทยอยเพิ่มรายได้ของครัวเรือน และน่าจะชดเชยผลกระทบจากเงินเฟ้อที่สูงจากราคาน้ำมันและราคาอาหารได้ Top Picks ยังคงเป็น KBANK, KTB และ KKP โดยคาดว่า KBANK และ KTB จะได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และเห็นศักยภาพในการปลดล็อกมูลค่าในบริษัทย่อยของ KBANK เรายังชอบ KKP ที่มีการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น และ valuation ที่น่าสนใจ

คาดกำไร 2Q65 โต 17% YoY

เราคาดว่าธนาคารทั้ง 7 แห่งที่เราวิเคราะห์จะรายงานผลประกอบการ 2Q65 รวมกันที่ 4.17 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% YoY (จาก NII ที่สูงขึ้นและต้นทุนสินเชื่อที่ลดลง) แต่ลดลง 6% QoQ (เนื่องจาก opex และต้นทุนสินเชื่อที่สูงขึ้น) KKP มีแนวโน้มที่ EPS จะเติบโตแข็งแกร่งที่สุดที่ 30% YoY จากสินเชื่อและ NII ที่โตแรง ขณะที่ต้นทุนสินเชื่อลดลง ทั้งนี้ สินเชื่อโดยรวมมีแนวโน้มเติบโต QoQ นำโดย KKP และ KBANK ขณะที่ NIM มีแนวโน้มทรงตัว QoQ ส่วน Non-NII คาดว่าจะลดลง 10% YoY เนื่องจากผลกระทบจากฐานที่สูงของค่าธรรมเนียมตลาดทุน ในแง่บวก PPoP มีแนวโน้มทรงตัว YoY และ QoQ ใน 2Q65 นำโดย KKP และ TTB

NPLs มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ต้นทุนสินเชื่อคาดว่าจะลดลง

เราคาดว่าอัตราส่วน NPL ของกลุ่มธนาคารจะเพิ่มขึ้น 6bps QoQ เป็น 4.06% ในไตรมาส 2/65 เนื่องจากสินเชื่อในโครงการบรรเทาหนี้บางส่วนกลายเป็น NPLs อย่างไรก็ตาม คาดว่าต้นทุนสินเชื่อจะลดลง 126bps ใน 2Q65 จาก 161bps ใน 2Q64 ทั้งนี้ เราไม่ค่อยกังวลประเด็นคุณภาพสินทรัพย์มากนัก เนื่องจากธนาคารไทยมี NPL coverage สูงถึง 167% โดยเฉลี่ย ณ สิ้น 1Q65 เนื่องจากนโยบายการกันสำรองล่วงหน้าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราประเมินว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะมีแรงกระตุ้นในไตรมาส 4/65 โดยการยกเลิกการจำกัดการจ่ายเงินปันผลของธนาคาร และกำหนดให้ต้องชำระค่าธรรมเนียม FIDF ปกติที่ 46bps ในปีหน้า ตอกย้ำมุมมองของเราว่าธนาคารแห่งประเทศเห็นแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และธนาคารทุกแห่งมีสินทรัพย์คุณภาพในเกณฑ์ดี

ไม่กังวลประเด็นคุณภาพสินทรัพย์ เนื่องจากธนาคารไทยยังแกร่ง

เราคาดว่ากำไรของกลุ่มธนาคารจะเติบโต 14% YoY ในปีนี้ จากต้นทุนสินเชื่อที่ลดลง นักลงทุนจะเน้นที่คุณภาพสินทรัพย์ในไตรมาส 2/65 เนื่องจากสินเชื่อบางส่วนจะออกจากโครงการบรรเทาหนี้ เราเชื่อว่า NPLs จะเพิ่มขึ้นทีละน้อย และคาดว่าจะไม่มีการเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง เนื่องจากธนาคารสามารถบริหาร NPL ได้เมื่อเวลาผ่านไป เรามองว่าธนาคารขนาดใหญ่ของไทยยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากสามารถปลดล็อกมูลค่าจากบริษัทย่อยได้ เช่น ธุรกิจสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน การบริหารสินทรัพย์ ประกันชีวิต และธุรกิจหลักทรัพย์ในระยะยาว

- Advertisement -