บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action TRADING (Maintain)
TP upside (downside) +0.6%
Close Jul 4, 2022 Price (THB) 159.00
12M Target (THB) 160.00
Previous Target (THB) 160.00
What’s new?
- คาดกำไรสุทธิ 2Q65 ที่ 2.0 หมื่นล้านบาท (+90% QoQ, +181% YoY) นับเป็นกำไรรายไตรมาสระดับสูง หนุนจากผลการดำเนินงานปกติที่แข็งแกร่ง เพราะราคาขายและปริมาณขายสูงขึ้น โดยเฉพาะการเริ่มสัมปทานใหม่ของโครงการ เอราวัณ นอกจากนี้ คาดว่าขาดทุน Hedging จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญเหลือ 1.4 พันล้านบาท
- หากเป็นไปตามคาด กำไร 1H65 จะคิดเป็น 47% ของทั้งปี โดยประมาณการปี 2565 ที่ 6.6 หมื่นล้านบาท ยังมี Upside จากสมมติฐานราคาน้ำมัน
Our view
- แนวโน้มกำไร 2H65 ยังแข็งแกร่ง คาดเติบโต YoY อย่างไรก็ตาม ฐานกำไรสูงใน 2Q65, Upside ของราคาน้ำมันจำกัด และต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ทำให้ประเมินว่าโมเมนตัมกําไรรายไตรมาสจะเริ่มประคองตัว – เติบโตได้จํากัด QoQ ในช่วง 2H65
- PTTEP +35% YTD Outperform ค่าเฉลี่ยหุ้นกลุ่มพลังงานที่ +7% และ SET Index ที่ -6%
- ติดตามความคืบหน้าเข้าพื้นที่โครงการโมซัมบิกช่วง 2H65 ซึ่งอาจมีผลต่อการตั้งสำรองใน 4Q65
- แนะนำ Trading รอเข้าซื้อเมื่อมี Upside มากกว่านี้
PTT EXPLORATION & PRODUCTIONแนวโน้ม 2Q65 ดี สอดคล้องมุมมองก่อนหน้า
คาด 2Q65 ออกมาดี ขาดทุน Hedging ผ่านจุดแย่สุดไปแล้ว
คาดกำไรสุทธิ 2Q65 จะทำได้ 2.0 หมื่นล้านบาท (+90% QoQ, +181% YoY) ถือเป็นระดับกำไรรายไตรมาสที่สูงสุด หนุนจากผลการดำเนินงานหลักที่แข็งแกร่ง และขาดทุน Hedging ลดลง (1Q65 Hedging loss จะสูงสุดของปี) ทั้งนี้ ภาพรวมนับว่าสอดคล้องกับมุมมองของเราก่อนหน้านี้ สาระสำคัญ ดังนี้
1) ยอดขายคาดทำได้ 470 KBOED (+10% QoQ, +6% YoY) หนุนจากการรับรู้ปริมาณผลิตก๊าซจากแหล่งเอราวัณตามสัญญาสัมปทาน PSC ฉบับใหม่ตั้งแต่เดือนเม.ย. รวมทั้งปริมาณผลิตจากแหล่งอื่นๆ ที่สูงขึ้น เช่น แหล่งอาทิตย์ โครงการในมาเลเซีย – โอมาน และการเริ่มผลิตของโครงการ Algeria HBR (ต้นเดือน มิ.ย.)
2) ราคาขายเฉลี่ยคาดทำได้ US$56.1/BOE (+9% QoQ, +33% YoY) สอดคล้องราคาก๊าซ และ น้ำมันที่สูงขึ้นตามภาวะตลาดโลก
3) ต้นทุนผลิตต่อหน่วยคาดเพิ่มขึ้นเป็น US$30/BOE (+13% QoQ, +10% YoY) สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายเพื่อเร่งปริมาณผลิตของโครงการเอราวัณในช่วงเริ่มต้นสัมปทาน และค่าภาคหลวงสูงขึ้นตามราคาขาย
4) คาดขาดทุนป้องกันความเสี่ยงน้ำมันเหลือ 1.4 พันล้านบาท ลดลงจาก 8 พันล้านบาทใน 1Q65 จากทั้งการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันที่ผันผวนลดลง และสถานะป้องกันความเสี่ยงที่ลดลง (ณ สิ้น 2Q65 คาดมี Position เหลือ 8 ล้านบาร์เรล และจะ Realized ไตรมาสละ 3.8 ล้านบาร์เรล) หากนับเฉพาะกำไรปกติคาดทำได้ 2.1 หมื่นล้านบาท (+13% QoQ, +95% YoY)
ประมาณการปีนี้มีโอกาสปรับขึ้น
หาก 2Q65 เป็นไปตามคาด กำไรสุทธิ 1H65 จะคิดเป็น 47% ของคาดการณ์ทั้งปี (กำไรสุทธิ 1Q65 ฐานต่ำ เพราะมีขาดทุน Hedging สูง) ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ที่ 6.6 หมื่นล้านบาท เติบโตสูง +69% YoY ขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่ มี Upside risk โดยหลักมาจากสมมติฐานราคาน้ำมันดิบที่ US$90/bbl ซึ่งทุก US$1/bbl จะส่งผลต่อคาดการณ์กำไร 8 ร้อยล้านบาท
ครึ่งปีหลังกำไรยังเติบโต YoY แต่โมเมนตัม QoQ เริ่มประคองตัว
สำหรับ 2H65 แม้เราคาดผลประกอบการยังแข็งแกร่ง สามารถเติบโต YoY อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม โมเมนตัมกำไรรายไตรมาสจะเห็นการเติบโตที่จำกัด เพราะ 1) ฐานกำไรสูงใน 2Q65 2) ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว – มาตรการแทรกแซงจากภาครัฐจะเป็นประเด็นถ่วงทิศทางราคาน้ำมันช่วง 2H65 และ 3) ต้นทุนการผลิตจะเพิ่มขึ้น HoH
ราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยบวกไประดับนึงแล้ว รอเข้าลงทุนเมื่อ Upside มากกว่านี้
ราคาหุ้น PTTEP +35% YTD Outperform ค่าเฉลี่ยหุ้นกลุ่มพลังงาน และ SET Index ที่ +7% และ -6% ตามลำดับ ถือว่าสะท้อนปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันไประดับนึงแล้ว ขณะที่โมเมนตัมงบ 2H65 คาดการเติบโตจะชะลอลงจากฐานสูงใน 2Q65 กอปรกับ 2H65 มีปัจจัยต้องติดตาม โดยเฉพาะความคืบหน้าการเข้าพื้นที่เพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการโมซัมบิก (ออกจากพื้นที่ก่อสร้างตั้งแต่เดือนเม.ย. 2564 เพราะอยู่ในพื้นที่เสี่ยงจากปัญหาความไม่สงบในประเทศ) ซึ่งกรณียังไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ หรือกระทบต่อแผนเริ่มผลิต อาจมีผลต่อการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายใน 4Q65 ทางพื้นฐานจึงคงคำแนะนำ Trading ระยะสั้นตามราคาน้ำมัน ขณะที่การลงทุนอาจรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อมี Upside gain มากกว่านี้ (บริษัทฯ จะรายงานผลประกอบการ 2Q65 วันที่ 1 ส.ค.)