ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

ลงต่อสลับรีบาวด์ หุ้นน้ำมันน่าจะกดดันตลาด

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันพุธ ลงต่อสลับรีบาวด์…. หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยปรับลงแรงกว่าที่เราคาด เนื่องจากความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรปถดถอย + คำเตือนจาก สธ. ไทยว่า COVID-19 กำลังรุนแรงขึ้นอีกครั้ง + เงินเฟ้อไทย มิ.ย. สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ส่งผลให้ฟันด์โฟลว์ยังออกจากหุ้นไทยต่อเนื่อง…. ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยโดยรวมยังคงเป็นลบ กล่าวคือ i) ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงเกือบ 10% ตอบรับความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งแม้ว่าจะช่วยลดแรงกดดันเงินเฟ้ออย่างมีนัยสำคัญ แต่จะถ่วงหุ้นกลุ่มพลังงานตัวหลักๆ ใน SET Index ii) ตลาดกลับมากังวลต่อมาตรการคุม COVID-19 ในจีนอีกครั้ง หลังมีรายงานว่าทางการจีนอาจต้องล็อกดาวน์เมืองเซี่ยงไฮ้เป็นเวลาสั้นๆ อีกครั้ง เพื่อทำการตรวจ COVID-19 เป็นวงกว้าง ทั้งนี้ในคืนวันนี้ นักลงทุนควรติดตามประเด็นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เช่น ตัวเลข ISM ภาคบริการของสหรัฐฯ เดือน มิ.ย. รวมทั้งรายงานการประชุมเฟดจากรอบ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา… ด้านปัจจัยภายในประเทศ จิตวิทยาของหุ้นเชื่อมโยงการท่องเที่ยวและการเปิดเมืองอาจมีจิตวิทยาลบในระยะสั้นจาก COVID-19 ที่รุนแรงขึ้น แต่หากเปรียบเทียบกันแล้วฝ่ายวิจัยฯ ยังคงมองว่าธีมหุ้นเปิดเมืองยังมีความน่าสนใจมากกว่าธีมหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ที่น่าจะรับผลกระทบเชิงลบจากเศรษฐกิจโลก… ทั้งนี้ SET Index ที่ราคาปิดเมื่อวานนี้ คิดเป็น earnings yield gap ปี 2566 ที่ 4.60% ซึ่งเท่ากับค่าเฉลี่ยระยะยาว + 1.0SD ซึ่งเรามองว่าเป็นระดับที่สะท้อนความเสี่ยงไประดับหนึ่งแล้ว ฝ่ายวิจัยฯ จึงคงมุมมองว่าดัชนีฯ ที่ ระดับต่ำกว่า 1,550 จุด ลงไปถึงระดับถัดไปทางจิตวิทยาที่ 1,500 จุด ยังเป็นช่วงราคาที่น่าสนใจในการสะสมเพื่อการลงทุนระยะครึ่งหลังของปี 2565

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน 

เก็งกำไร BCH*, OTO

  • BCH* (เป้าพื้นฐาน 28 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 20.1 บาท / แนวต้าน 20.7 บาท กรณี Break ผ่านแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/-22 บาท (Stop loss 19.5 บาท) 2) ประเมินเป็นหุ้นโรงพยาบาลที่สามารถรับอานิสงส์ i) การให้บริการผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 (สถานการณ์ปัจจุบัน เริ่มมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น หลังการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ) ii) รวมทั้งสามารถเปิดรับผู้ป่วยต่างชาติที่กำลังเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นได้ 3) ราคาหุ้นพักฐานจนทำให้ Forward PE ต่ำเพียง 11.3 เท่า ประเมินหากสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อปรับตัวขึ้นอีกระลอกมีโอกาสที่นักลงทุนจะ Switching จากโรงพยาบาลที่เน้นผู้ป่วยต่างชาติอย่าง BDMS*, BH* มาที่ BCH* อีกครั้ง
  • OTO (เป้าพื้นฐาน 16.2 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 14.0 บาท / แนวต้าน 15.0 – 15.6 บาท (Trailing ที่ stop 13.3 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจาก i) การที่ทีม Esports ที่ OTO ลงทุน (ทีม XERXIA / เกมส์ Valorant) ได้เข้าร่วมไปแข่งขัน VCT Masters Copenhagen 2022 คาดเป็นบวกทั้งด้านเงินรางวัลจากการแข่งขัน และการสร้างชื่อ หนุนรายได้สปอนเซอร์ ii) เตรียมเปิดตัว Platform คอมมูนิตี้ สำหรับเกมเมอร์ HUBBER เดือน ก.ค. นี้ และคาดเปิดตัวการใช้งานเต็มรูปแบบภายใน 3Q65 3) คาดเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจ Esports ใน 2Q65 ขณะที่ธุรกิจ Call center ยังดีต่อเนื่อง

หุ้นมีข่าว

(+) SCB* ลุ้นจ่ายปันผลพิเศษ Q3 รับโอนเงิน 6 หมื่นล้าน (ข่าวหุ้น) “เอสซีบี เอกซ์” (SCB*) จ่อจ่ายเงินปันผลพิเศษ หลัง Q3/65 รับเงินจากธนาคารไทยพาณิชย์กว่า 6.1 หมื่นล้านบาท ขณะที่แบงก์ชาติยกเลิกเพดานจ่ายปันผลไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิแล้ว คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/65 ที่ 1.04 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% ราคาเป้าหมาย 155 บาท

(+) โบรกฯ มองบวก ADVANC* JAS จ่อลุยธุรกิจใหม่เพียบ (ข่าวหุ้น) โบรกฯ ประสานเสียงเชียร์ “ซื้อ” ADVANC* อัพเป้าราคาสูง 264 บาท มองบวกหลังประกาศซื้อกิจการ TTTBB และหน่วยลงทุนใน JASIF จาก JAS หนุนมาร์เก็ตแชร์บรอดแบนด์ขึ้นเป็นอันดับ 2 ดันกำไรเพิ่มอีก 2-6% แถมอัพมูลค่าหุ้นอีก 1-5 บาทต่อหุ้น ฟาก JAS ตุนเงินสดเพิ่ม มีลุ้นปันผลพิเศษ ด้านผู้บริหาร JAS ลั่นมีเงินสดเสริมสภาพคล่อง ช่วยเปิดโอกาสลงทุนธุรกิจใหม่อีกเพียบ พร้อมลุยเหมืองขุดบิตคอยน์เต็มสูบ

(+) ครม.อุ้มโรงแรมต่ออีก 2 ปี MINT* พลิกมีกำไรโค้งสอง (ทันหุ้น) ครม.ต่ออายุมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรมออกไป 2 ปี ด้านผู้ประกอบการชี้แบ่งเบาภาระระดับหนึ่ง หวังมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวแรงๆ เพิ่ม นักวิเคราะห์ส่องผลงานไตรมาส 2/2565 กลุ่มโรงแรมพลิก MINT* ได้ไฮซีซันยุโรปดันพลิกกำไร ด้าน CENTEL* รายได้ธุรกิจอาหารโตแกร่ง แนะ “ซื้อ” ลุ้นปีนี้พลิกกำไร รับต่างชาติเที่ยวไทย

(+) BANPU*ทุ่มงบเฉียด 5 พันล้าน เดินหน้าลงทุนกองทุนเฮลท์แคร์ในสหรัฐฯ (ข่าวหุ้น) “บ้านปู” ทุ่มงบเฉียด 5 พันล้านบาท ลงทุนกองทุนเฮลท์แคร์ในสหรัฐฯ ที่เน้นการลงทุนในหุ้นทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพ ตามแผนกลยุทธ์ New S-Curve ที่มีศักยภาพและอัตราการเติบโตสูงด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง

(+) HL ชูสินค้าเฮลธ์แคร์ขายดี นักท่องเที่ยวตบเท้าเข้าไทย (ทันหุ้น) HL สินค้าเฮลธ์แคร์ดีมานด์ล้น นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ารักษาไทยพรึ่บ ส่องทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลังสดใส เล็งเซ็น MOU หน่วยงานรัฐ พร้อมเปิดตัวโปรดักต์ใหม่ ป้องกันโควิด-19 รักษาภูมิแพ้ กัญชง-กัญชา

(+) OR* รุกธุรกิจสตาร์ทอัพร่วมลงทุน ‘Hungry Hub” แพลตฟอร์มร้านอาหาร (ทันหุ้น) OR ประกาศร่วม ลงทุนกับ Hungry Hub บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติไทย แพลตฟอร์มจองร้านอาหารและโรงแรมชั้นนำ ในรอบ Series A หนุนธุรกิจ เพื่อผลักดันการเติบโตของตลาดร้านอาหารและโรงแรมในประเทศไทย

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • CPF* (เป้าพื้นฐาน 30.5 บาท) แนวรับ 26.0 บาท / แนวต้าน 26.5-27.5 บาท หากผ่านได้ ประเมินแนวต้านถัดไป 29 บาท (Trailing stop 25.5 บาท)
  • M (เป้าพื้นฐาน 58 บาท) แนวรับ 50.5 บาท / แนวต้าน 52-53 บาท (Trailing stop 50 บาท)
  • KBANK* (เป้าพื้นฐาน 188 บาท) แนวรับ 147 บาท / แนวต้าน 150-153 บาท (Stop loss 147 บาท)
  • BAFS (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 27.0 บาท / แนวต้าน 29.0-30.0 บาท (Stop loss 27.0 บาท)
  • BDMS* (เป้าพื้นฐาน 31 บาท) แนวรับ 25.0 บาท / แนวต้าน 26.5-27.5 บาท (Stop loss 24.5 บาท)
  • HMPRO* (เป้าพื้นฐาน 17.5 บาท) แนวรับ 12.6 บาท / แนวต้าน 12.9-13.1 บาท (Stop loss 12.6 บาท)
  • BEM* (เป้า Consensus 9.96 บาท) แนวรับ 8.6 บาท / แนวต้าน 8.8-9.0 บาท (Stop loss 8.6 บาท)
  • MAKRO (เป้าพื้นฐาน 44 บาท) แนวรับ 34 บาท / แนวต้าน 36-37 บาท (Stop loss 34 บาท)
  • TFG (เป้าพื้นฐาน 8.1 บาท) แนวรับ 6.0 บาท / แนวต้าน 6.4-6.6 บาท (Stop loss 6.0 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • AEONTS* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 216 บาท รายงานกำไร 1Q22/23 = 1.1 พันล้านบาท (+22% QoQ, -3% YoY) ดีกว่าคาด +11% และดีกว่า Consensus คาด +8% ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น และ Valuation ที่ถูก (PE 9.4 เท่า) ฝ่ายวิจัยฯปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” (เดิม “ถือ”)
- Advertisement -