FPI เปิดแผนธุรกิจครึ่งปีหลัง เดินหน้าเจาะตลาดยุโรป ประเดิม อังกฤษ ฝรั่งเศส พร้อมศึกษาแผนลงทุนธุรกิจ EV BIKE ในอินเดีย เผยอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์สัญญาณดี มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ออเดอร์ล้นทะลัก ลุยเพิ่มเครื่องจักรไลน์ฉีด ขณะที่ธุรกิจอินเดียคึกคัก คาดปีนี้โตเท่าตัว พร้อมรับผลดีค่าเงินบาทอ่อนค่า ทำสถิติในรอบหลายปี มั่นใจสนับสนุนผลงานปี 65 โตทะลุเป้าที่ 10%  จากปีก่อน

 

นายสมพล  ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ FPI  เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มสดใส เนื่องจากอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทมีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาเป็นจำนวนมาก จากการที่ประเทศจีน ไต้หวัน ยังคงอยู่ในช่วงของการประกาศ Lock down ทำให้มีออเดอร์จากลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น  ซึ่งคาดว่าสถานการณ์นี้จะยาวไปถึงไตรมาส 4/65 และเป็นโอกาสที่ดีของบริษัท เนื่องจากมีความพร้อมที่จะส่งมอบสินค้าได้ในระยะเวลาที่รวดเร็ว

ทั้งนี้ ปัจจุบันการผลิตไลน์ฉีดของ FPI ถือว่าเต็ม Capacity โดยตอนนี้ต้องจ้าง Outsource ช่วยผลิตเพิ่ม เพื่อให้ทันกับความต้องการของลูกค้า อย่างไรก็ตาม บริษัทได้สั่งซื้อเครื่องจักรเพิ่มอีก 5 เครื่อง ประกอบด้วยไลน์ฉีดจำนวน 3 เครื่อง และไลน์พ่นสีจำนวน  2 เครื่อง คาดว่าจะเข้ามาติดตั้งได้ในเดือนสิงหาคมนี้ ในส่วนของไลน์การผลิตอื่นๆ ยังสามารถใช้กำลังการผลิตที่มีอยู่ได้ตามปกติ

“ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมีแผนเดินหน้าเปิดตลาดใหม่ โดยเฉพาะแถบตลาดยุโรป ซึ่งคาดว่าจะเป็นที่ประเทศอังกฤษและฝรั่งเศส และจะช่วยขยายฐานลูกค้าและเพิ่มรายได้มากขึ้น ทำให้มั่นใจว่า ผลงานปีนี้จะยังคงเติบโตได้ตามเป้าหมายในระดับ 10% จากปีก่อน ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนในธุรกิจ EV BIKE ในอินเดีย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตได้ต่อเนื่องในอนาคต”

สำหรับโรงงานที่ประเทศอินเดีย ปัจจุบันสามารถฟื้นตัวได้ดี และคาดว่าจะเติบโตได้ถึง 100% จากปีก่อน เนื่องจากตอนนี้มีสัญญาการผลิตรถ EV Scooter จากทาง Maruti โดย FPI จะดูแลในส่วนผลิตชิ้นส่วนพลาสติก จำนวน 5 หมื่นคัน ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 280 ล้านรูปี และสามารถผลิตส่งมอบได้เดือนละราว 5,000-6,000  คัน รวมทั้งได้สั่งซื้อเครื่องจักรในไลน์ฉีดลงที่อินเดียอีกจำนวน  3 เครื่อง

นอกจากนี้ FPI ยังได้รับประโยชน์จากการที่รัฐบาลอินเดียกำหนดให้การผลิต EV Scooter จะต้องเป็นการผลิต Local เท่านั้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัท เพราะมีโรงงานที่อินเดียอยู่แล้วทำให้มีโอกาสทางธุรกิจเพิ่มขึ้นด้วย

********

- Advertisement -