ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

เทรดไซด์เวย์ ติดตามตัวเลขสหรัฐฯ เพิ่มเติมสัปดาห์นี้

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันจันทร์เทรดไซด์เวย์… หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยอ่อนแอกว่าที่เราคาดเล็กน้อย ตามแรงขายที่ยังออกมาต่อเนื่องในหุ้นกลุ่มธนาคารฯ ก่อนการรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2565… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยโดยรวมต่อตลาดหุ้นเป็นกลาง ได้แก่ i) สหรัฐฯ รายงานตัวเลขการจ้างงาน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 3.72 แสนตำแหน่ง ดีกว่าที่ consensus คาดไว้ที่ 2.68 แสนตำแหน่ง และลดความกังวลของตลาดต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทั้งนี้หลังจากตัวเลขจ้างงานออกมาแล้ว พบว่าแบบจําลอง GDP tracker ของเฟดทำนาย GDP ไตรมาส 2/2565 ของสหรัฐฯ -1.2% QoQ เทียบกับ -1.9% QoQ ในรอบก่อนหน้า ii) ราคาน้ำมันดิบรีบาวด์ต่อ 2.57% น่าจะหนุนจิตวิทยาของหุ้นพลังงานได้บ้าง อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรติดตามประเด็นข่าวในจีน ซึ่งอาจมีผลต่อตลาดน้ำมัน หลังจากเซี่ยงไฮ้รายงานผู้ติดเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ BA.5 เป็นครั้งแรก ซึ่งอาจส่งผลให้มีการคุมเข้มอีกครั้งหนึ่ง… ทั้งนี้ใน วันที่ 13 ก.ค. สหรัฐฯ จะรายงานตัวเลขสำคัญได้แก่ เงินเฟ้อ CPI เดือน มิ.ย. ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดแนวทางของเฟดในการประชุม FOMC วันที่ 27 ก.ค. นี้ ซึ่ง ณ ขณะนี้ consensus คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ 2.50%

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน เก็งกำไร SCB*, MAKRO, PTG*

  • SCB* (เป้าพื้นฐาน 150 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 98 บาท / แนวต้าน 103-105 บาท กรณี Break กรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสฟื้นตัวทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 110 บาท (Stop loss 95 บาท) 2) ประเมินประเด็นข่าวการพิจารณาขาย บลจ. SCBAM หากเป็นจริง จะเป็นบวก i) กระแสเงินสดและกำไรพิเศษจากการขาย บลจ. ii) คาดเตรียมปรับกลยุทธ์เป็น Open Architecture รับงานบริหารการเงินให้ลูกค้าได้ยืดหยุ่นมากขึ้น (มี Product ให้ลูกค้าเลือกหลายหลายมากขึ้น) 3) การแจ้งขยายระยะเวลาสอบทานธุรกิจ Bitkub คาดเป็น Sentiment บวกต่อหุ้น SCB ในช่วงที่ตลาดคริปโตมีความผันผวนสูง คาดมีโอกาสปรับเปลี่ยนราคาซื้อขายหุ้น Bitkub 4) ประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่ Forward PBV ต่ำเพียง 0.73 เท่า ต่ำกว่า 1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีตที่ราว 0.8 เท่า
  • MAKRO (เป้าพื้นฐาน 44 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 35 บาท / แนวต้าน 36-37.5 บาท กรณี Break กรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 39 บาท (Stop loss 34 บาท) 2) ประเมินความกังวลเรื่องผลกระทบของภาวะเงินเฟ้อต่อกำลังซื้อผู้บริโภคจะเริ่มลดลง หลังราคาน้ำมันเริ่มพักฐานและมีโอกาสที่ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย 2H65 จะต่ำกว่า 1H65 ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานจะทยอยฟื้นตัวจากการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม Horeca ที่นำไปใช้ในธุรกิจร้านอาหาร คาดผลการดำเนินงาน 2H65 จะเติบโต HoH 3) ฝ่ายวิจัยฯ คาด Forward PE ปี 2566 จะลดลงเหลือ +/-26 เท่าจาก +/-35 เท่าในปีนี้ จากการคาดการณ์ EPS ปีหน้าจะกลับมาเติบโต +32% YoY หลังจากที่พ้นผลของ Dilution effect ที่เกิดขึ้นในปีนี้ และเริ่มรับรู้ Synergy benefit จากการ ซื้อ Lotus
  • PTG* (เป้าพื้นฐาน 17.8 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 13.6 บาท / แนวต้าน 14.0 – 14.3 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 14.7 บาท (Stop loss 13.2 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q65 เริ่มฟื้นตัวแบบ QoQ ทั้งจากปริมาณขายน้ำมันและค่าการตลาดน้ำมันที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 และกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นปกติ 3) Valuation ไม่แพง Forward PE ต่ำเพียง 14.7 เท่า (ต่ำกว่า -1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีตที่ราว +/-16 เท่า) ขณะที่คาดกำไรปีนี้ฟื้นตัว +55% YoY

หุ้นมีข่าว

(0) เอสซีบีเอกซ์ ขาย SCBAM คาดบุ๊กกำไร 4.3 หมื่นล้าน แจงดีล บิทคับ ไม่ล้ม ขอขยายเวลาซื้อออกไป (ข่าวหุ้น) จับตาบมจ.เอสซีบี เอ็กซ์ (SCB) กำลังพิจารณาขายธุรกิจจัดการกองทุน หรือ บลจ.ไทย พาณิชย์ (SCBAM) คาดมีมูลค่าธุรกรรมประมาณ 3.6-5.4 หมื่นล้านบาท และจะทำให้มีการบันทึกกำไรระหว่าง 2.88-4.3 หมื่นล้านบาท ด้านผู้บริหาร SCB ยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็น ส่วนโบรกฯ มองเชิงบวกกับธุรกรรมดังกล่าวหากเกิดขึ้นจริง แนะ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 160 บาท

(+ กลุ่มโรงไฟฟ้า) อ่วม! จ่อขึ้นค่าไฟแตะ 5 บาท กฟผ.แบกต้นทุน 8 หมื่นล้าน (ไทยโพสต์) จ่อประกาศขึ้นค่าไฟฟ้า หลังประเมินต้นทุนยังแพง คนไทยอ่วม! อาจจ่ายเพิ่มช่วงครึ่งหลังของปีแตะ 5 บาท/หน่วย กกพ. ก๊าซแพงแตะ 30 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู แจง กฟผ.แบกต้นทุนหลังแอ่น ใกล้แตะแสนล้านปลายปีนี้ “นิด้าโพล” เผย ปชช.มีรายได้น้อยกว่ารายจ่าย ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงกระทบมากสุด

(+) CHAYO พอร์ตหนี้โตแรง ลุยยื่นทีโออาร์ 5 หมื่นล้าน (ทันหุ้น) CHAYO เผยซื้อหนี้เติมพอร์ตเพิ่มมูลค่ารวม 851.78 ล้านบาท ชี้ยังคงมี TOR ที่ทางสถาบันการเงินทยอยปล่อยประกาศผู้ชนะอีกประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท และคาดครึ่งปีหลังจะมี TOR ใหม่ออกอีกกว่า 4-5 หมื่นล้านบาท พร้อมอัดฉีดงบ 2.4 พันล้านบาทไว้รองรับ จับตาผลงานครึ่งหลังปีโดดเด่น

(0) STEC* แจงปมส่งมอบงานรัฐสภา การันตีดำเนินทุกอย่างตามสัญญา (ข่าวหุ้น) “ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริงฯ” ออกแถลงการณ์แจงปมงานก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ หลังถูก ส.ส.ประชาธิปัตย์ร้องประธานสภาคัดค้านการตรวจรับงาน ยันดำเนินการทุกอย่างตามสัญญา รายละเอียดงานซับซ้อนเพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ คนนอกไม่เข้าใจ

(+) BGRIM* และ RATCH* ประกาศจัดตั้งบริษัทย่อย Sekong Investment Advisory Company Limited (SIA) ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านกีบ (หรือ 2.4 ล้านบาท) เพื่อลงทุนโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซกอง 4A และ 4B ที่ประเทศลาว (355MW – SCOD 2033 (27 ปี) – reservoir type) ภายใต้สัดส่วนถือหุ้น RATCH 60% / BGRIM 20% / และพันธมิตรอื่น 20% เรามองเป็นบวกเล็กน้อยกับข่าวดังกล่าว เนื่องจากเป็นโครงการที่ศึกษามาหลายปีและเงียบหายไปจนล่าสุดมีความชัดเจนขึ้น เราประเมินโครงการนี้จะเพิ่มกำลังการผลิต กำไร และ TP ให้กับ (+2.6% or 71MWe / Bt180-210mn pa / +Bt1.0-1.1/share) for BGRIM (BUY, TP41.00), and (+2.3% or 213MWe / Bt530-640mn pa / +Bt1.3-1.4/share) for RATCH (NEUTRAL, TP42.00). (Source: SET)

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • CPF* (เป้าพื้นฐาน 30.5 บาท) แนวรับ 26.5 บาท / แนวต้าน 27.5-29 บาท (Trailing stop 26 บาท)
  • BDMS* (เป้าพื้นฐาน 31 บาท) แนวรับ 26.25 บาท / แนวต้าน 27.5 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 25.5 บาท)
  • M (เป้าพื้นฐาน 58 บาท) แนวรับ 51.5 บาท / แนวต้าน 52.5-53 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 51 บาท)
  • OTO (เป้าพื้นฐาน 16.2 บาท) แนวรับ 15.5 บาท / แนวต้าน 17.0-18.0 บาท (Trailing stop 14.5 บาท)
  • BAFS (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 28.0 บาท / แนวต้าน 29.0-30.0 บาท (Stop loss 27.5 บาท)
  • HMPRO* (เป้าพื้นฐาน 17.5 บาท) แนวรับ 12.8 บาท / แนวต้าน 13.1-13.3 บาท (Stop loss 12.6 บาท)
  • TFG (เป้าพื้นฐาน 8.1 บาท) แนวรับ 6.1 บาท / แนวต้าน 6.4-6.6 บาท (Stop loss 6.0 บาท)
  • BCH* (เป้าพื้นฐาน 28 บาท) แนวรับ 20.1 บาท / แนวต้าน 20.7-21.0 บาท (Stop loss 19.5 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • SPRC* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 16.3 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 2Q65 = 6.9 พันล้านบาท (+ 789% YoY, +30% YoY) โดยกำไรที่คาดจะดีขึ้นจากค่าการกลั่นที่สูงขึ้น และคาด Dividend yield ปีนี้สูงถึง +14.7%
  • SFT แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 4.8 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 2Q65 = 17 ล้านบาท (-54% YoY, +3% QoQ) ผลจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับสูงขึ้นกระทบอัตรากำไรขั้นต้น อย่างไรก็ดี คาดผลการดำเนินงานจะเริ่มฟื้นตัวใน 2H65 Upside หลังการปรับประมาณการฯ จำกัด จึงแนะนำเพียง “ถือ” (เดิม “ซื้อ”)
- Advertisement -