Daily Focus: Value and Defensive Play // Bet on Rebound at 1500-1520+-

2022SET Target: 1670

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงแรงพอสมควร ปิดลบ 10.60 จุด ณ สิ้นวัน โดยนักลงทุนขายลดความเสี่ยงวันหยุดกลางสัปดาห์ รวมถึงรอดูตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ คืนวันพุธ สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 1.3 พันลบ.และ 439 ลบ. ตามล่าดับ (ต่างชาติ Short Index Futures อีกถึง 1.8 หมั่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัวในแดนลบกรอบ 1,535-1,550 จุด โดยถูกกดดันจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือน มิ.ย. สูงกว่าที่ตลาดคาด ส่งผลให้ตลาดคาด FED จะขึ้นดอกเบี้ยแรงในการประชุมปลายเดือนนี้ ทำให้ Dollar Index ยังยืนทรงตัวในระดับสูง ขณะที่ Bond Yield 2Y ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นแตะ 3.18% ขณะที่ 10Y แกว่งผันผวน และทรงตัวที่ 2.94% ทําให้ยังคงภาพ Inverted Yield Gap อย่างต่อเนื่องและกว้างขึ้น สะท้อนความกังวลโอกาสเกิด Recession ปีหน้า ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตาม ยังคงมุมมองเดิมว่า SET Index จะแกว่งตัวได้แข็งแรงกว่าภูมิภาคอื่น จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่อยู่ในทิศทางขาขึ้นจากการทยอยเปิดประเทศ ส่วนโฟกัสอยู่ที่การเริ่มประกาศผลประกอบการ 2Q22 ของกลุ่มธนาคารวันนี้ ยังมองแนวรับหลัก 1,500 1,520+- จุด จะทํางานได้ดีและเป็นโอกาสเข้าสะสม โดยคาดหวังการรีบาวด์ สวนหุ้นยังเน้นกลุ่ม Value Play ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าบริการจ่าเป็น

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Value and Defensive Play//รอสะสมหุ้นบริเวณ 1500-1,520+- จุด

หุ้นเด่นเดือน ก.ค. : CK, CPN, GFPT, KTB, MAKRO

หุ้นเด่นวันนี้ : SAPPE

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 43 บาท
  • คาดกําไร 2Q22-3Q22 มีลุ้นทำ New High ต่อเนื่องจากการส่งออกที่แข็งแกร่ง การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และผลบวกจากค่าเงินบาทที่อ่อน ชดเชยต้นทุนที่ปรับขึ้นได้ทั้งหมด
  • เราคาดกําไรปี 2023-2025 จะโตเฉลี่ย +18% CAGR น่าประทับใจ โดยเฉพาะตลาดใหม่อย่างอินเดียที่กำลังจะเป็น Rising Star ถัดไป หลังเห็นสัญญาณการเติบโตอย่างมีนัยสาคัญ ซึ่งอยู่ช่วงได้ Economy of scale ที่สุดจาก Utilization Rate ที่คาดเต็มในปี 2024 โดยจะเริ่มขยายกำลังการผลิตช่วงปลายปี 2023
  • แนวรับ 35.50//34 บาท แนวต้าน 37.25//38.50 บาท

Fund Flow : 2 วันที่ผ่านมากระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคต่อเนื่องอีก US$524 อ้าน นำโดยเกาหลีใต้และไต้หวัน US$224 ล้าน และ US$166 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกทุกประเทศเช่นกัน นำโดยอินโดนีเซีย แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดยังอยู่ในทิศทางไหลออก หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ สูงกว่าคาด กดดัน FED ขึ้น ดอกเบี้ยเร็วขึ้นและดอลลาร์แข็งค่า

ประเด็นสําคัญวันนี้

(-) เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน มิ.ย. สูงกว่าคาด โดยเงินเฟ้อทั่วไป +1.3% M-M, +9.1% Y-Y ตลาดคาด +8.8% Y-Y และเร่งขึ้นจากเดือนก่อนที่ +8.6% Y-Y ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน +0.7% M-M, +5.9% Y-Y ชะลอเล็กน้อยจากเดือนก่อนที่ +6% Y-Y กดตินสินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่อง ตลาดคาดว่า FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75-1% ด้วยความน่าจะเป็น 22:78 ในการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค. คาดหุ้น Value Play จะยัง Outperform โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร การแพทย์ โรงไฟฟ้า ส่วนกนง.เราคาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในเดือน ส.ค.

(+) M คาดก่าไร 2Q22 +70% Q-Q และพลิกจากขาดทุนปีก่อน ตีกว่าเดิมที่เคยคาดจากการปรับขึ้นราคาอาหารสะท้อนต้นทุนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการ Reopen ทำให้ Traffic และ SSSG ฟื้นดัว แนวโน้ม 3Q22 คาดอ่อนตัวตามฤดูกาล แต่กลับมาฟื้นตัวเด่นใน 4Q22 เราคาดกำไรปี 2022 ฟื้นแรงเป็น 1.6 พันลบ. และเร่งขึ้นอีก +36% Y-Y ปี 2023 ปรับราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 58 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) ITEL คาดกำไร 2Q22 +13% Q-Q, +31% Y-Y ดีกว่าที่เคยคาดก่อนหน้า จากรายได้ที่โตต่อเนื่องของธุรกิจ Data service และการรับรู้ผลประกอบการของ Blue Solutions เต็มไตรมาส เรายังคาดกำไรทั้งปี 2022 +34% หากงานประมูลต่างๆ ของภาครัฐไม่ล่าช้า และคาดมี Downside ไม่เกิน 17% เพราะมีรายได้ที่รอรับรู้อีก 2.25 พันลบ. และราคาเป้าหมายจะลดลงมาที่ 5.60 บาท ยังสูงกว่าราคาหุ้นปัจจุบัน ราคาหุ้นที่ปรับลงแรงในช่วงที่ผ่านมาทำให้ PE ลดลงจาก 33 เท่า เหลือ 19 เท่า เรายังคงราคาเป้าหมาย 6.70 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(-) DCC คาดกำไร 2Q22 -31% Q-Q, -18% Y-Y กดดันจากทั้งยอดขายที่หดตัวจากการเริ่ม เข้าฤดูฝน วันหยุดมาก และกำลังซื้ออ่อนลงจากภาวะเงินเฟ้อ รวมถึง GPM ลดลงจากราคาก๊าซปรับขึ้นแรง เราปรับประมาณการกำไรปีนี้ลงเหลือ -4% Y-Y ปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 3.20 บาท แต่คาดยังให้ Dividend Yield สูง 6.5% ต่อปี และคาดกำไรจะเริ่มฟื้นใน 4Q22-1Q23 ตามฤดูกาล ยังแนะนำ “ซื้อ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 30,981.33 จุด ลดลง 192.51 จุด หรือ -0.62% เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับที่รุนแรงขึ้น หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ โดยถูกกดดันจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเกินคาดของสหรัฐฯ ทำให้มีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงขึ้น

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับตัวลง ตามสภาวะตลาดหุ้นสหรัฐฯ

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 36.29 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับเพิ่มขึ้น 46 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 96.30 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้ปัจจัยหนุนจากแรงช้อนซี้อ หลังจากราคาน้ำมันทรุดตัวลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 10.7 ดอลลาร์ หรือ 0.62% ปิดที่ 1,735.5 ดอลลาร์/ออนซ์ หลักนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงกว่าคาดในเดือนมิ.ย.

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,023.27 / -3.48

- Advertisement -