บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action TRADING (Maintain)

TP upside (downside) +33.3%

Close Jul 15, 2022 Price (THB) 43.50

12M Target (THB) 58.00

Previous Target (THB) 58.00

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 2Q65 ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท นับว่าฟื้นตัวได้ดี QoQ และ YoY หนุนจากค่าการกลั่น และ P2F Margin ของอะโรมาติกส์
  • อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานที่ดีจะถูกหักล้างด้วยขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน และขาดทุนป้องกันความเสี่ยงรวม หมื่นล้านบาท 1.4 (เพราะบาทอ่อนค่า และ Spread น้ำมันดีเซลสูงขึ้นมาก) ทำให้ประเมินว่ากำไรสุทธิจะเหลือ 784 ล้านบาท -81% QoQ และ -97% YoY

Our view

  • แนวโน้ม 2H65 เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นจาก 1) ราคาน้ำมันผันผวนน้อยลง และจีนคลาย Lockdown จะช่วยหนุนอุปสงค์ปิโตรเคมี 2) ขาดทุน Hedging ลดลง (มีโอกาสพลิกเป็นกำไร) 3) อัตราผลิตปิโตรเคมีสูงขึ้น HoH หลังผ่านการปิดซ่อมบำรุงมาแล้ว
  • ทั้งนี้ คงคำแนะนำ TRADING ไว้ก่อน เพราะงบ 2Q65 และเงินปันผลงวด 1H65 อ่อนแอกว่าคู่แข่ง กำไร 1H65 เป็น 22% ทำให้มี Downside เชิงกลยุทธ์แนะนำรอจังหวะเข้าลงทุนหลังผ่านงบ 2Q65 วันที่ 10 ส.ค.

PTT GLOBAL CHEMICAL 2Q65 รับผลกระทบขาดทุน Hedging สูง

การฟื้นตัวถูกหักล้างด้วยขาดทุน Hedging

คาด 2Q65 จะมีกำไรสุทธิ 784 ล้านบาท (-81% QoQ, -97% YoY) ถือเป็นกำไรรายไตรมาสระดับต่ำ สาเหตุหลักมาจากการอ่อนค่าของเงินบาท ทำให้ประเมินว่าจะมีขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 2 พันล้านบาท กอปรกับการพุ่งขึ้นของส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลจาก US$20/bbl ใน 1Q65 เป็น US$43/bbl (บนสมมติฐาน Hedging position ต้นไตรมาส 22 ล้านบาร์เรล) ทำให้คาดว่าจะมีขาดทุนป้องกันความเสี่ยงสูง 1.2 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากนับเฉพาะกำไรจากการดำเนินงานปกติ แม้ว่าจะถูกถ่วงจากแผนปิดซ่อมบำรุงโรงงานโอเลฟินส์ OLE3 กำลังผลิต 1 ล้านตัน และโรงงานอะโรมาติกส์ ทำให้อัตราการผลิตจะเหลือ 75% และ 80% ตามลำดับ รวมทั้งทิศทางอัตรากำไรของธุรกิจโอเลฟินส์ และ Performance materials ที่ต่ำลงจากการใช้สัดส่วน Naphtha มากขึ้น และการลดลงของ Spread ของ Phenol และ BPA ตามลำดับ แต่คาดกำไรปกติจะทำได้ 1.2 หมื่นล้านบาท นับว่าฟื้นตัวได้ดี +97% QoQ และ +17% YoY หนุนจาก 1) ค่าการกลั่นเพิ่มขึ้นเป็น US$18.3/bbl (+141% QoQ, +801% YoY) สอดคล้องส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดโลก 2) P2F Margin ของอะโรมาติกส์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น US$160/ตัน (+233% QoQ, -12% YoY) ตามทิศทาง Spread PX, BZ และ Condensate residue (By product ผลิตน้ำมันดีเซล) และ 3) ส่วนแบ่งกำไรจาก VNT สูงขึ้นตามสัดส่วนการถือหุ้น จาก 25% เป็น 38% เต็มไตรมาส

2H65 เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น

หาก 2Q65 เป็นไปตามคาด กำไรสุทธิ 1H65 จะคิดเป็น 22% ของทั้งปี ทำให้คาดการณ์ปีนี้ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท (-49% YoY) มีความท้าทาย (เป็นผลจากขาดทุนป้องกันความเสี่ยงจำนวนมากใน 1H65) อย่างไรก็ตาม เราคงประมาณการเดิมเอาไว้ก่อน เพราะคาดว่ากำไร 2H65 จะเร่งตัวขึ้นสำหรับ 2H65 แม้บริษัทฯ มีแผนปิดซ่อมบำรุงใหญ่โรงกลั่น 50 วันช่วงเดือนต.ค. – ธ.ค. แต่ภาพรวมผลประกอบการเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว หนุนจาก 1) ราคาน้ำมันดิบที่ผันผวนน้อยลง และการทยอยผ่อนปรนมาตรการควบคุมของจีน จะช่วยให้อุปสงค์ปิโตรเคมีดีขึ้น 2) การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของเอจีซี วีนิไทย (การควบรวมระหว่าง VNT และ AGC) 3) การ COD โครงการขยายกำลังผลิต HMC และโครงการ Kuraray GC ช่วง 3Q65 – 4Q65 4) ขาดทุนป้องกันความเสี่ยงลดลง (มีโอกาสพลิกเป็นกำไร) เนื่องจากปัจจุบันส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลเริ่มอ่อนตัวลง 5) อัตราใช้กำลังผลิตของโรงงานอะโรมาติกส์ – โอเลฟินส์สูงขึ้น HoH หลังผ่านช่วงปิดซ่อมบำรุงใหญ่มาแล้ว

งบ 2Q65 สู้คู่แข่งไม่ได้….รอจังหวะเข้าลงทุนหลังรายงานงบ

ราคาหุ้น -26% YTD Underperform กลุ่มโรงกลั่น – ปิโตรเคมีที่เฉลี่ย 11% จนปัจจุบันหุ้นมี Upside gain สูง 33% และซื้อขายบน PBV ที่ 0.6 เท่า นับว่ามีส่วนลดจากเฉลี่ยระยะยาว -2.50 SD อย่างไรก็ตาม เราคงราคาเหมาะสม 58.00 บาท และคำแนะนำ TRADING เอาไว้ก่อน เนื่องจากระยะสั้นคาดว่าหุ้นยังถูกถ่วงจากทิศทางกำไร 2Q65 ที่อ่อนแอกว่าคู่แข่ง เพราะมีขาดทุนป้องกันความเสี่ยงสูง, มีความเสี่ยงถูกปรับลดประมาณการ และเงินปันผลงวด 1H65 ไม่เด่นเท่าคู่แข่ง เชิงกลยุทธ์มองว่านักลงทุนอาจรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้งหลังบริษัทฯ รายงานผลประกอบการ 2Q65 วันที่ 10 ส.ค.

- Advertisement -