YONG ประกาศความพร้อมเข้าเป็นสมาชิกใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ mai เคาะราคา IPO ที่ 2.50 บาท/หุ้น เตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อระหว่างวันที่ 21-22 กรกฎาคม และ 25 กรกฎาคม ฤกษ์ดีส่ง 180 ล้านหุ้น ลงกระดานเทรดวันที่ 2 สิงหาคมนี้ เตรียมนำเงินที่ได้ขยายฐานธุรกิจ ใช้ลงทุนก่อสร้างโรงงาน ชำระคืนเงินกู้ยืม รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจ รองรับการเติบโตในอนาคต มั่นใจนักลงทุนให้การตอบรับดี จากการเปฌนหุ้นที่มีผลงานเติบโตโดดเด่น หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย รับอานิสงส์เม็ดเงินจากการลงทุนออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ สนับสนุนบรรยากาศงานก่อสร้างในประเทศคึกคัก

 

นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ของบริษัท ยงคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ YONG จำนวน 180 ล้านหุ้น ได้กำหนดราคาเสนอขายที่หุ้นละ 2.50 บาท กำหนดเปิดให้จองซื้อในวันที่ 21-22 กรกฎาคม และ 25 กรกฎาคมนี้ โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ในวันที่ 2 สิงหาคม 2565

สำหรับราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 2.50 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 26.10 เท่า ซึ่งคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565  ซึ่งมีกำไรสุทธิ 65.14 ล้านบาท เมื่อหารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ เท่ากับ 680.00 ล้านหุ้น (Fully diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.096 บาท สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของ YONG ด้วยผลประกอบการที่มีความสามารถในการทำกำไรที่ดี และมีแนวโน้มที่จะเติบโตในอนาคต

นายสรรเพชญ ศลิษฏ์อรรถกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยงคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ YONG  เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมในการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 450 ในครั้งนี้ จะนำไปใช้ในการก่อสร้างโรงงานที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม จำนวน 120 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตและพัฒนาระบบที่เกี่ยวข้อง ใช้ลงทุนก่อสร้างโรงงานคอนกรีตผสมเสร็จ ที่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี จำนวน 20 ล้านบาท ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงิน จำนวน 120 ล้านบาท และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจ โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนดังกล่าวภายในปี 2565 เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัท ทั้งในการขยายกำลังการผลิตของโรงงานผลิตเดิม และการเปิดโรงงานการผลิตใหม่ อีกทั้งเป็นการยกระดับมาตรฐานของบริษัทเข้าสู่มาตรฐานสากล เพิ่มความน่าเชื่อถือในด้านภาพลักษณ์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้าและคู่ค้า รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ทั้งนี้จะพิจารณาการใช้เงินทุนหมุนเวียนในกิจการให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้น และเพื่อการเติบโตในอนาคต

ทั้งนี้ ปัจจุบัน YONG มีโรงงาน 7 แห่ง และถือเป็นผู้ผลิตคอนกรีตรายใหญ่โซนภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคตะวันตก โดยมีสำนักงานใหญ่ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตคอนกรีตสำเร็จรูปและคอนกรีตผสมเสร็จ (โรงงานท่าม่วง) อยู่ที่ จ.กาญจนบุรี และมีโรงงานสาขาอีก 6 แห่ง แบ่งตามจังหวัดที่ตั้ง ได้แก่ ที่ จ.กาญจนบุรี ประกอบด้วย โรงงานวังสารภีและโรงงานทองผาภูมิ รวมทั้ง จ.นครปฐม ประกอบด้วย โรงงานหนองดินแดงหรือโรงงานนครปฐม โรงงานบางเลน และโรงงานนครชัยศรี และโรงงานที่จ.ชลบุรี ซึ่งโรงงานทั้งหมดนั้น สามารถแบ่งได้เป็น โรงงานผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป 3 แห่ง สำหรับผลิตภัณฑ์เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง เสาไฟฟ้าคอนกรีตอัดแรง เสาคานคอนกรีต รั้วคอนกรีต ท่อคอนกรีตอัดแรก และขอบคันหิน ผลิตภัณฑ์แผ่นพื้นสำเร็จรูป แผ่นพื้นมอเตอร์เวย์ แผ่นผนังคอนกรีตสำเร็จรูป-Precast เป็นต้น นอกจากนี้ มีโรงงานผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมเสร็จ 6 แห่ง ที่นอกจากจะผลิตคอนกรีตผสมเสร็จเพื่อใช้ในการผลิตคอนกรีตสำเร็จรูปแล้ว ยังผลิตคอนกรีตผสมเสร็จเพื่อจำหน่ายให้กับบุคคลภายนอก

สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น ประกอบด้วยกลุ่ม บริษัท กลุ่มยง จำกัด รวมครอบครัวศลิษฏ์อรรถกร ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อตั้งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ สัดส่วนก่อนและหลัง IPO ที่ 98.80% และ 72.65% ตามลำดับ และนายอุทัย ฉัตรศิริ ในสัดส่วนก่อนและหลัง IPO ที่ 1.20% และ 0.88% ตามลำดับ

นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท ยงคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ YONG เปิดเผยว่า สำหรับปัจจัยสนับสนุนการเติบโตสำหรับธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทมีความเกี่ยวข้องกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเป็นหลัก รวมถึงการลงทุนของทั้งภาครัฐและเอกชน โดยโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัด ในภาคตะวันออก โดยจะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น รถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อสามสนามบิน เป็นต้น ส่งผลให้มีความต้องการวัสดุก่อสร้างจากผู้ประกอบการในแถบพื้นที่บริเวณนั้นเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อบริษัท เนื่องจาก สามารถที่จะจำหน่ายวัสดุก่อสร้างได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดย YONG มีโรงงานผลิตที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี และมีแผนการลงทุนในอนาคตที่จะลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปที่จังหวัดระยอง ขณะที่การลงทุนจากภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ YONG มีสัดส่วนรายได้จากการขายและให้บริการ ณ สิ้นไตรมาส 1/65 แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ลูกค้าโครงการภาคเอกชนอยู่ที่ 34.81%  กลุ่มลูกค้าโครงการภาครัฐ 3.43% และกลุ่มลูกค้าทั่วไป 61.76% และมีรายได้รวมในงวดไตรมาส 1/65 อยู่ที่ 240.14 ล้านบาท ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปี 2564 อยู่ที 240.47 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 19.35 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 8.06% โดยอัตรากำไรสุทธิในงวดไตรมาส 1 ปีนี้ ปรับตัวดีขึ้นจากงวดปี 2564 ซึ่งมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 7.82% และจากการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้มากกว่า 30% ของรายได้จากการขายและบริการในการดำเนินงานมาโดยตลอด

ล่าสุด YONG ได้ลงนามแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด  เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย พร้อมด้วยผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 3 แห่ง ประกอบด้วยบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน)

*****

- Advertisement -