บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action TRADING (Downgrade)

TP upside (downside) +13.0%

Close Jul 20, 2022 Price (THB) 5.00

12M Target (THB) 5.65

Previous Target (THB) 7.95

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 2Q65 48 ลบ. (-5.6 % QoQ, +78.3%YoY) รายได้เติบโต QoQ และ YoY แต่ GPM หด จากการทำ Procurement ในช่วงแรก โครงการเพื่อล็อคราคาวัตถุดิบในช่วงราคาผันผวน แต่จะกลับมาฟื้นใน 2H65
  • ความไม่มั่นคงของฐานะการเงินรัฐบาลเมียนมาที่มีเงินสำรองระหว่างประเทศลดลง อาจกระทบการจ่ายเงินได้ และราคาหุ้นยัง Outperform ตลาดเป็นโอกาสในการลดน้ำหนัก

Our view

  • เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการจากธุรกิจ EPC แต่ปี 2565 กำไรส่วนใหญ่ยังมาจากธุรกิจโรงไฟฟ้าในเมียนมา ซึ่งรับเป็นเงิน USD จึงมีความเสี่ยงจากฐานะทางการเงินของรัฐบาลเมียนมา
  • ด้วย GPM ที่มีแนวโน้มต่ำกว่าที่คาด เราปรับ GPM ลง ส่งผลให้กำไรปกติปี 65 ลดลง 29% ราคาเป้าหมายสิ้นปี 65 ลดลงเป็น 5.65 บาท ลดคำแนะนำ เป็น TRADING ราคาปัจจุบันซื้อขายด้วย PER65 ที่ 13.3 เท่า

TTCL 2Q65 ยังทรงตัวได้ แต่มีเมียนมาเป็นความเสี่ยง

2Q65 GPM ถูกกดดัน แต่กำไรยังโตสูง YoY

เราคาดรายได้ใน 2Q65 ที่ 2,732 ลบ. (+5.4%QoQ, +88.3%YoY) คาด GPM อยู่ที่ 7.3% ลดลงจาก 8.3% ใน 1Q65 และ 14.0% ใน 2Q64 เนื่องจากมีงานใหม่เข้ามาจำนวนมากก ซึ่งในช่วงเริ่มต้นงานจะมีงานด้านการสั่งซื้อเพื่อล็อคราคาวัตถุดิบมากกว่าปกติ เพราะราคาค่อนข้างผันผวน ทำให้มีต้นทุนเข้ามากกว่ารายได้ในช่วงแรก ส่วน SG&A ยังคุมได้ดีคาดที่ 171 ลบ. ทรงตั้ง QoQ และ YoY ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าในเมียนมาคาดทรงตัว QoQ ที่ 40 ลบ. ยังคงมีการตั้งด้อยค้าสินทรัพย์อีก 69 ลบ. คาดขาดทุนสุทธิ 21 ลบ. แต่หากไม่รวมการตั้งสำรอง จะมีกำไรปกติอยู่ที่ 48 ลบ. (-5.6%QoQ, +78.3%YoY)

แนวโน้มกำไรฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง แต่มีเมียนมาเป็นความเสี่ยง

เราคาดรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นจะทยอยเร่งขึ้นในช่วง 2H65 หลังจากที่ผ่านช่วงแรกของโครงการ แล้วจะเริ่มมีรายได้เข้ามามากขึ้นทำให้ GPM เริ่มฟื้นตัวกลับมาที่ 10%+/- ได้ ปัจจุบันมี Backlog อยู่ที่ราว 18,400 ลบ. มีงานรอประมูลราว 45,000 ลบ. และงานที่มีโอกาสชนะสูงใน 3Q65 มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 3,000 ลบ. เราค่อนข้างมีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจ EPC ของ TTCL ที่กลับมาเป็นขาขึ้นค่อนข้างชัดเจน และการปรับตัวลงของสินค้าโภคภัณฑ์ทำให้แรงกดดันเรื่องต้นทุนลดลง รวมถึงค่าแรงขั้นต่ำอาจมีการปรับขึ้นไม่มากอย่างที่เคยกังวลก่อนหน้า หลังค่าครองชีพมีแนวโน้มกลับมาลดลง อย่างไรก็ตาม เรากังวลต่อสถานการณ์ขาดแคลนเงินตราต่างประเทศของรัฐบาลเมียนมา เนื่องจาก TTCL มีธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในเมียนมา ซึ่งถือสัดส่วน 43% เป็นรายได้ประจำที่สร้างกำไรหลักในปี 2565-2566 ให้กับบริษัทราวปีละ 200 ลบ. แบ่งเป็นรายได้จากการบริหารโรงไฟฟ้าราว 50 ลบ./ปี และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมราว 150 – 200 ลบ./ปี จึงมีนัยสำคัญต่อประมาณการกำไรทั้งปีของเรา เนื่องจากมีความเสี่ยงหากรัฐบาลไม่สามารถชำระเงินในสกุล USD ได้

ปรับลดคำแนะนำเป็น TRADING … จับตาสถานการณ์ไปก่อน

ด้วย GPM ในช่วง 1H65 ต่ำกว่าที่เราประเมินไว้ ทำให้เราปรับลด GPM ลงจาก 13.3% เป็น 10.1% ขณะที่ค่าใช้จ่าย SG&A มีแนวโน้มต่ำกว่าคาดเช่นกันจึงปรับลด SG&A ลง 20% สุทธิแล้วส่งผลให้ประมาณการกำไรปกติลดลงจากเดิม 29% เป็น 232 ลบ. หากอิง PER ที่ 15 เท่า เช่นเดิม จะได้ราคาเป้าหมายใหม่สิ้นปี 2565 อยู่ที่ 5.65 บาท มี Upside gain 13.0% จึงลดคำแนะนำลงเป็น TRADING อย่างไรก็ตาม หากปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2566 จะมี Upside gain สูงขึ้น แต่ด้วยสถานการณ์ในเมียนมายังมีความไม่แน่นอนเรื่องความสามารถในการชำระเงินในสกุล USD ของหน่วยงานรัฐฯ ของเมียนมาค่อนข้างมาก เชิงกลยุทธ์จึงแนะนำ ลดน้ำหนักไปก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์จนกว่าจะมีความชัดเจน

- Advertisement -