บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action SELL (maintain)

TP upside (downside) -10.1%

Close Jul 21, 2022 Price (THB) 4.34

12M Target (THB) 3.90

Previous Target (THB) 3.90

What’s new?

  • คาดกำไรปกติใน 2Q65 ที่ 146 ลบ. (-24% QoQ, +21% YoY) เติบโต YoY หนุนจากการโอนโครงการ แนวสูงสร้างเสร็จใหม่ 1 โครงการ มูลค่า 1.1 พันลบ. ทั้งนี้ คาดกำไรปกติ 1H65 คิดเป็น 57% ของประมาณการทั้งปี
  • บริษัท รายงาน Presale ใน 2Q65 ที่ 2.6 พันลบ. (+23% QoQ, +30% YoY) แม้ Presale ใน 2Q65 จะเติบโตทั้ง QoQ และ YoY แต่ภาพรวม Presale 1H65 คิดเป็นเพียง 37% เมื่อเทียบกับเป้าหมายทั้งปี ของบริษัทที่ 1.3 หมื่นลบ.

Our view

  • แนวโน้มกำไรคาดผ่านจุดสูงสุดของปีไปแล้วใน 1Q65 และลดลง HoH ในช่วง 2H65 (แต่เติบโต YoY จากฐานต่ำใน 2H64) เพราะ Backlog โครงการแนวสูงสร้างเสร็จใหม่ในปีนี้ ส่วนใหญ่รับรู้รายได้ไปแล้วในช่วง 1H65
  • ประมาณการปี 2565 ที่ 594 ลบ. (+99% YoY จากฐานต่ำ) อาจมี Upside risk หากดีลการขาย Big lot Office ที่วิภาวดี (มูลค่าไม่ต่ำกว่า 2.0 พันลบ.) เกิดขึ้นในช่วงที่เหลือของปี
  • คงคำแนะนำ “ขาย” ราคาเหมาะสมสิ้นปี 2565 ที่ 3.90 บาท/หุ้น

LPN DEVELOPMENT คาดกำไรปกติ 2Q65 ลดลง QoQ แต่เติบโต YoY

คาดกำไรปกติ 2Q65 เติบโต YoY… แนวโน้ม 2H65 ยังไม่สดใส

เราคาดกำไรปกติใน 2Q65 ที่ 146 ลบ. (-24% QoQ, +21% YoY) หลักๆ เป็นผลมาจากรายได้จากการโอน กรรมสิทธิคาดลดลง 11% QoQ แต่เติบโต 62% YoY เป็น 1.6 พันลบ. ปรับตัวลดลง QoQ เนื่องจากบริษัทมีการรับรู้ Backlog ส่วนใหญ่ของโครงการ Lumpini Place Taopoon Interchange (1.7 พันลบ. Sold 53%) ไปแล้วใน 1Q65 อย่างไรก็ตาม คาดยอดโอนกรรมสิทธิ์ใน 2Q65 เพิ่มขึ้นเด่น YoY หนุนจากการโอนโครงการแนวสูงสร้างเสร็จใหม่ 1 โครงการ คือ Lumpini Selected Charan 65 Sirindhorn Station (1.1 พันลบ. ขายแล้ว 21% และโอนใน 2Q65 18%) เทียบกับ 2Q64 ที่มีเพียงการโอนสินค้าคงเหลือ

ทั้งนี้ แม้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์จะเติบโตเด่น 62% YoY แต่กำไรปกติคาดเติบโตเพียง 21% YoY เนื่องจากเราคาดอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายใน 2Q65 ลดลงกว่า 363 bps YoY เป็น 22.1% (เทียบ QoQ คาดทรงตัว) เนื่องจากบริษัทมีการใช้กลยุทธ์ทางด้านราคาในการระบายสินค้าคงเหลืออย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากกำไรปกติใน 2Q65 ใกล้เคียงกับที่คาดจะทำให้กำไร 1H65 คิดเป็น 57% และ 52% เมื่อเทียบกับประมาณการปี 2565 ของเราและ Bloomberg Consensus ตามลำาดับ

แนวโน้มกำไรปกติใน 2H65 คาดลดลง HoH (แต่เติบโต YoY จากฐานต่ำใน 2H64) เนื่องจาก Backlog โครงการแนวสูงสร้างเสร็จใหม่จำนวน 2 โครงการที่คาดรับรู้รายได้ใน 2H65 อยู่ที่เพียง 520 ลบ. เทียบกับ 1H65 ที่ 1.1 พัน ลบ.) โดย 2 โครงการดังกล่าว คือ Lumpini Ville Chaengwatthana Pakkret Station (1.1 พันลบ. Sold 28%) และ Lumpini Ville Chaengwatthana 10 (540 ลบ. Sold 41%) คาดเริ่มโอนในช่วงปลาย 3Q65 ทั้งคู่ นอกจากนี้ มีประเด็นที่ต้องติดตามในระยะสั้น คือ ดีลขาย Big lot อาคารสำนักงานที่ติดกับโครงการ Lumpini Park Vibhavadi Chatuchak (มูลค่าไม่น้อยกว่า 2.0 พันลบ.) ซึ่งบริษัทอาจมีการให้รายละเอียดเพิ่มเติมในวันประชุมนักวิเคราะห์ที่ 4 ส.ค. 2565 และถือเป็น Upside risk ที่เรายังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ

Presale 6M65 คิดเป็นเพียง 37% จากเป้าทั้งปีของบริษัท

บริษัทรายงาน Presale ใน 2Q65 ที่ 2.6 พันลบ. (+23% QoQ, +30% YoY) แบ่งเป็น 1) แนวสูง 1.9 พันลบ. (+21% QoQ, +60% YoY) ส่วนใหญ่มาจากการขายสินค้าคงเหลือเป็นหลัก โดยในช่วง 2Q65 บริษัทมีการเปิดตัวโครงการแนวสูงใหม่ทั้งสิ้น 2 โครงการ ได้แก่ Lumpini Place Chaengwatthana Pakkret Station (เฟส 2, 1.2 พันลบ.) และ Place 168 Pinklao (2.3 พันลบ.) ทำ Take up rate เฉลี่ยต่ำกว่าคาดอยู่ที่ราว 10% +/- และ 2) แนวราบ 730 ลบ. (+29% QoQ, -13% YoY) เพิ่มขึ้น QoQ ส่วนหนึ่งมาจากยอดขายในโครงการ BAAN 365 Rama 3 ที่ทำได้ค่อนข้างดีราว 200-300 ลบ. ทั้งนี้ ใน 2Q65 บริษัทไม่มีการเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่

แม้ Presale ใน 2Q65 จะเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY แต่ภาพรวม Presale 1H65 อยู่ที่ 4.8 พันลบ. (+16% YgY) และคิดเป็นเพียง 37% เมื่อเทียบกับเป้าทั้งปีของบริษัทที่ 1.3 หมื่นลบ. (+46% YoY) เป็นผลให้เราคาด Presale ทั้งปี 2565 มีโอกาสทำได้ต่ำกว่าเป้า แม้ว่าแนวโน้ม Presale ใน 2H65 คาดเติบโตทั้ง HOH และ YoY ก็ตาม สอดคล้องกับแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วง 2H65 ทั้งสิ้น 8 โครงการ มี 3 โครงการ รวมมูลค่า 4.0 พันลบ. เลื่อนมาจาก 2Q65) แบ่งเป็น โครงการแนวสูง 3 โครงการ มูลค่า 5.1 พันลบ. และแนวราบ 5 โครงการ มูลค่า 4.2 พันลบ. ทำให้โดยรวมแล้วในปี 2565 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 10 โครงการ มูลค่า 1.3 หมื่นลบ. (+172% YoY)

คงคำแนะนำ “ขาย” ราคาเหมาะสมสิ้นปี 2565 ที่ 3.90 บาท/หุ้น

คงคำแนะนำ “ขาย” ราคาเหมาะสมสิ้นปี 2565 ที่ 3.90 บาท/หุ้น (เนื่องจากราคาหุ้นซื้อ-ขายบน PER2565 : ที่ 10.8x สูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ราว 7.5x) และคงประมาณการปี 2565 ที่ 594 (+99% YoY จากฐานต่ำ) โดยบริษัทรายงาน Backlog ณ สิ้น 2Q65 ที่ 2.5 พันลบ. คาดรับรู้รายได้ในปีนี้ที่ 1.6 พันลบ. คิดเป็น Secured Transfer ที่ 79% อย่างไรก็ตาม เนื่องจากลูกค้ากลุ่มกลาง-ล่างได้รับผลกระทบจากการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดของ ธนาคารทำให้บริษัทมี Rejection rate ที่สูงกว่าอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญ

กอปรกับแนวโน้มกำไรปกติคาดผ่านจุดสูงสุดของปีไปแล้วใน 1Q65 (กรณีไม่รวมดีลขาย Big lot อาคารสำนักงาน) ในเชิงกลยุทธ์จึงยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุน นอกจากนี้ เราคาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันงวด 1H65 ที่ 0.14 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield จากราคาปิดเมื่อวานที่ 3.2%

- Advertisement -