บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action BUY (Upgrade)

TP upside (downside) +15.2%

Close Jul 22, 2022 Price (THB) 66.00

12M Target (THB) 76.00

Previous Target (THB) 72.00

What’s new?

  • คาดกำไรสุทธิ 2Q65 ที่ 760 ล้านบาท -67% YoY จากแรงกดดันของต้นทุนเชื้อเพลิง อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับ 1Q65 คาดเริ่มเห็นการฟื้นตัว +143% QoQ จากการปรับขึ้นค่า Ft, Glow Energy Phase 5 กลับมาเป็นปกติ, ผลประกอบการของไซยะบุรีดีขึ้น และมีกำไรการโอนธุรกิจแบตเตอรี่
  • ปรับสมมติฐานให้รัดกุมขึ้น ส่งผลให้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2565 – 2566 ลดลง 4-17% เป็น 4.2 – 7.1 พันล้านบาท ตามลำดับ

Our view

  • เราเชื่อว่ากำไรของ GPSC ผ่านจุดที่แย่สุดใน 1H65 ไปแล้ว โดย 2H65 จะเห็นการฟื้นตัวต่อเนื่อง หนุนจากการปรับขึ้นค่า Ft สวนทางต้นทุนเชื้อเพลิงที่ชะลอตัว, High season ของไซยะบุรี, โรงไฟฟ้าที่ปิดซ่อมบำรุงกลับมาเป็นปกติ, กำลังผลิตใหม่ของ SPP Replacement – Avaada และเงินเคลมประกันภัย
  • Roll-over ไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 76.00 บาท เพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ลงทุนระยะกลาง – ยาว ด้วยความน่าสนใจในธุรกิจแบตเตอรี่ – Renewable และสอดคล้อง Theme Anti-Commodity – Defensive

GLOBAL POWER SYNERGY ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

2Q65 เริ่มเห็นการฟื้นตัว QoQ

คาดกำไรสุทธิ 2Q65 ที่ 760 ล้านบาท -67% YoY จากอัตรากำไรขั้นต้นของการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้า อุตสาหกรรม (IU) ถูกกดดันด้วยผลกระทบของต้นทุนเชื้อเพลิง อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับ 1Q65 คาดเห็นการฟื้นตัว +143% QoQ สำหรับ 2Q65 แม้อัตรากำไรจะยังได้รับแรงกดดันจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น โดยเฉพาะถ่านหิน (US$1/ตัน กระทบกำไร 10 ล้านบาท/ปี) และเงินบาทอ่อนค่าจะทำให้เกิดขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนราว 300 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าผลประกอบการจะสามารถฟื้นตัว QoQ หนุนจาก 1) การปรับขึ้นค่าไฟฟ้า Ft รอบเดือนพ.ค. – ส.ค. จำนวน 23.38 สตางค์/หน่วย (1 สตางค์/หน่วย กระทบกำไร 60 ล้านบาท/ปี) 2) โรงไฟฟ้า Glow Energy Phase 5 กลับมาผลิตเต็มไตรมาสหลังเสร็จสิ้นการปิดซ่อมบำรุงตั้งแต่ 9 มี.ค. (กระทบกำไร 5 ล้านบาท/วัน) 3) ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนเพิ่มขึ้นจากผลประกอบการของโรงไฟฟ้าเขื่อนไซยะบุรีตามปริมาณน้ำในลาวที่สูงขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล และ 4) กำไรจากการโอนธุรกิจแบตเตอรี่ให้ Nuovo Plus (สัดส่วนถือหุ้น GPSC : Arun Plus ที่ 49 : 51)

ทิศทาง 2H65 ทยอยดีขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับ 2H65 แม้ต้นทุนเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ – ถ่านหินจะอยู่ระดับสูงเทียบกับในอดีต อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่า 1) ราคาพลังงานดังกล่าวผ่านระดับสูงสุดไปแล้ว และจะมีทิศทางลดลง สวนทางการทยอยขึ้นค่าไฟฟ้า Ft (คาดงวดเดือน ก.ย. – ธ.ค. จะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 68 สตางค์/หน่วย) ส่งผลให้ GPM จะเห็นการฟื้นตัวต่อเนื่อง 2) ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนเพิ่มขึ้น HoH หนุนด้วยการเข้าสู่ High season ของปริมาณน้ำในลาวช่วง 3Q65 ทำให้ผลประกอบการของโรงไฟฟ้าเขื่อนไซยะบุรีสูงขึ้น 3) การผลิตไฟฟ้าเต็มที่ของ Glow Energy Phase 5 และ Gheco 1 หลังผ่านการปิดซ่อมบำรุงใน 1H65 มาแล้ว 4) กำลังผลิตไฟฟ้าใหม่จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการ SPP replacement 4Q65 และการทยอย COD ของ Avaada ราว 1 GW 5) เงินเคลมประกันภัยของเหตุการณ์ Unplanned Shutdown 6-7 ร้อยล้านบาท (หลังหักภาษี)

ปรับประมาณการให้รัดกุมขึ้น

เราปรับสมมติฐานให้รัดกุมขึ้นสะท้อนต้นทุนเชื้อเพลิง 1H65 ที่สูงกว่าคาด และการปิดซ่อมบำรุงนอกแผน ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 – 2566 ลดลง 17% เป็น 4.2 พันล้านบาท (-43% YoY) และลดลง 4% เป็น 7.1 พันล้านบาท (+71% YoY) ตามลำดับ

มองข้าม 1H65 ที่เป็นจุดต่ำสุด….พร้อมรับ Theme Anti-Commodities และ Defensive

เรามองว่าผลประกอบการของ GPSC ได้ผ่านจุดที่แย่สุดไปแล้วใน 1H65 หากมองข้ามไปช่วง 2H65-2566 จะเห็นการทยอยฟื้นตัวจากฐานต่ำอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นเพื่อสะท้อนมุมมองข้างต้น เรา Roll-over ไปใช้ราคาเหมาะสมใหม่ ณ สิ้นปี 2566 ที่ 76.00 บาท เพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” กรณีหุ้นปรับลงจากงบ 2Q65 ที่อ่อนแอ หรือถูกตลาด Downgrade กำไรปีนี้ เรามองเป็นจังหวะทยอยสะสมสำหรับการลงทุนระยะกลาง – ยาว โดยหุ้นมีจุดเด่นจากการเป็น Utilities Flagship ของเครือ PTT, การลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน – แบตเตอรี่ ซึ่งเป็น Trend ในอนาคต, ได้ประโยชน์จากการพักฐานของราคาพลังงานช่วง 2H65 (Anti-Commodities Theme) และกระทบจำกัดจากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจ (Defensive Theme)

ความเสี่ยง – ราคาพลังงานสูงกว่าคาด, เศรษฐกิจซบเซากว่าคาด, ปิดซ่อมบำรุงนอกแผน, รัฐแทรกแซงการขึ้นค่า Ft

- Advertisement -