Our View? “Volume บางๆ กับการรอดูท่าทีของ FED”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,550 / 1,540 และแนวต้านที่บริเวณ 1,565 / 1,570 มองตลาดยังคงให้น้ำหนักกับการรอติดตามผลประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อย่างใกล้ชิด คาดมีโอกาสค่อนข้างมากที่ FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงระดับ 0.75% แต่แนะนำให้ติดตามมุมมองของ FED ที่มีแต่ทิศทางเงินเฟ้อและเศรษฐกิจสหรัฐในระยะต่อไป ซึ่งเราคาดว่ามีแนวโน้มที่ FED อาจผ่อนคลายการคุมเข้มทางนโยบายทางการเงินลงมาได้บ้าง จากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่มีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยแบบจำลอง GDPNow ของ FED สาขาแอตแลนตา บ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.6% ใน Q2/65 อีกทั้ง FED สาขาชิคาโกเปิดเผยดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ (CFNAI) เดือน มิ.ย. ปรับตัวลดลง -0.19 ต่ำกว่าที่ตลาดคาด บ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวต่ำกว่าแนวโน้ม ขณะที่แนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐเราคาดว่ามีโอกาสเห็นจุดพีคไปแล้วในช่วงเดือน มิ.ย. จากราคาพลังงานในเดือน ก.ค. เริ่มอ่อนตัวลงแล้วบ้าง คาดอาจส่งผลให้ตลาดผ่อนคลายแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไปได้บ้าง สอดคล้องกับ CME FED Watch Tools ล่าสุดบ่งชี้ดอกเบี้ยสหรัฐในช่วงปลายปีจะอยู่ที่ระดับ 3.50-3.75% และอัตราดอกเบี้ยจะเริ่มทรงตัวและจะทยอยอ่อนตัวลงในช่วงปีหน้า สะท้อนภาพตลาดคาดการณ์ถึงช่วงสูงสุดของการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ไปบ้างแล้ว คาดจะส่งผลให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงมีโอกาสฟื้นตัวกลับขึ้นได้ในระยะถัดไป สอดคล้องกับ Dollar Index ที่ยังอยู่ในภาพการชะลอกำลังลงต่อเนื่อง จากปัจจัยข้างต้นดังกล่าว รวมทั้งส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่าง FED-ECB ที่เริ่มจะแคบลงในระยะข้างหน้า คาดจะช่วยลดแรงกดดันต่อการอ่อนค่าของค่าเงินในภูมิภาค รวมถึงค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐได้บ้าง เป็นปัจจัยหนุนทิศทางตลาดในภูมิภาคพื้นตัวได้บ้างในระยะถัดไป ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ก.ย. เมื่อคืนนี้เริ่มฟื้นตัวกลับขึ้นบ้างปิดที่ระดับ 96.70 ดอลลาร์/บาร์เรล +2.00 ดอลลาร์ (+2.1%) โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลภาวะอุปทานพลังงานที่ตึงตัว หลังสหภาพยุโรปเตรียมแผนปรับลดการนำเข้าพลังงานรัสเซียในช่วงหลายเดือนข้างหน้า รวมทั้งแนวโน้มดอลลาร์สหรัฐเริ่มอ่อนค่าเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้นได้บ้าง อย่างไรก็ตาม เรายังมองแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่มีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอย คาดจะกดดันทิศทางราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานอ่อนตัวลงถ่วงตลาดได้ในระยะถัดไป มองเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF, GPSC และ BGRIM) ในแง่ทิศทางราคาต้นทุนจากก๊าซธรรมชาติที่มีโอกาสปรับตัวลดลง

สำหรับปัจจัยในประเทศ คาดปริมาณการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยจะเบาบางลงไป จากการที่สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยหยุดทำการในวันที่ 27-28 ก.ค. ซึ่งเป็นช่วงคาบเกี่ยวกับการประชุม FOMC ของ FED รวมถึงการเปิดเผยตัวเลข GDP 2Q65 ของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการที่ ธปท. ออกมาแสดงความคิดเห็นคาดเศรษฐกิจไทย 2Q′65 มีโอกาสปรับตัวขึ้นทะลุ 3.0% ขณะที่คาดการณ์ GDP ทั้งปี’ 65 จะอยู่ที่ระดับ 3.3% ขณะที่ปี’ 66 คาดจะปรับตัวขึ้นที่ระดับ 4.2% โดยเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวชัดเจนขึ้นจากการบริโภคภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยว หลังภาครัฐผ่อนคลายมาตรการต่างๆ แต่ยังมีความกังวลในด้านอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งคาดว่า ธปท. จะต้องเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเดือน ส.ค. นี้ มองเป็นปัจจัยบวกช่วงประคองทิศทางตลาดได้บ้าง รวมถึงเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB และ BBL) ขณะที่เห็นแรงซื้อกลับหลังการประกาศผลประกอบการตามที่เราคาดไว้  จากการที่ผลประกอบการส่วนใหญ่ออกมาใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์ อีกทั้งเราคาดว่าอาจเห็นแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มการเงิน (MTC, SAWAD และ TIDLOR) ได้บ้าง จากคาดการณ์การรายงานผลประกอบการ 2Q65 อาจออกมาปรับตัวเพิ่มขึ้น YoY หลังความต้องการสินเชื่อฟื้นตัวขึ้นจากการที่เศรษฐกิจไทยเริ่มกลับมาดำเนินงานอีกครั้ง รวมถึงราคาสินค้าเกษตรที่อยู่ในระดับสูง

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “TIDLOR”

กลยุทธ์ แนวรับ 28.00 / 23.00 Target 30.50 / 32.00 Stop <25.75

- Advertisement -