KS Daily View 26.07.2022 > SET โมเมนตัมเชิงบวกหลัง Break 1,555 จุด ติดตามประชุม Fed / การเจรจาการค้าสหรัฐ- จีน SET วันนี้คาดแกว่งตัว  1555-1570 จุด หุ้นแนะนำ JWD  

SET Index ปรับขึ้นติดต่อกัน 4 วันติดหรือปรับขึ้นรวมราว 28 จุดหรือขึ้นมา 1.8% Break 1555 จุด และปิด 1560 จุด KS ประเมินภาพรวมระยะสั้นถือว่ามีโมเมนตัมเชิงบวกและมีโอกาสตลาดจะปรับขึ้นต่อ โดยประเมินจากปัจจัยแวดล้อมต่างประเทศยังมีทิศทางบวกสนับสนุนการปรับขึ้นของ SET อาทิการประชุม Fed วันที่ 27 ก.ค. ตลาดคาดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยฯ  75 bps โดยโอกาสความน่าจะเป็นสูงราว 77% และลดโอกาส Fed จะขึ้น 100 bps ลง,  28 ก.ค. ติดตาม GDP 2Q65 ของสหรัฐหากออกมาติดลบคาดได้รับรู้ไปในดัชนีแล้วและการเจรจาทางโทรศัพท์ระหว่าง ปธน. Biden กับ ปธน. Xi Jinping ภายในสิ้นเดือนนี้  ซึ่งอาจมีข้อตกลงในเรื่องการยกเว้นภาษีนำเข้าระหว่างกัน Sentiment บวกกับกลุ่ม Electronics, Petrochemical และเดินเรือ

โดยประเมินแนวต้านของ SET ถัดไปคือ  1570 และ 1600 จุด โดยในรอบนี้คาด  Sector ที่จะเป็นกลุ่ม Lead ตลาดขึ้นหลักๆ คือ 

  1. กลุ่มธนาคาร  :  หลังประกาศงบในช่วงสัปดาห์ทีผ่านมาราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารโดยส่วนใหญ่ปรับตัวต่อเนื่องตอบรับผลประกอบการภาพรวม 2Q22 ออกมาดีกว่าที่ KS คาด 8% หนุนจาก NIM,รายได้ค่าธรรมดีกว่าที่คาด และ  NPL ลดลง โดยหุ้นเด่นในกลุ่มธนาคาร KS ชอบธนาคารขนาดใหญ่มากกว่าธนาคารขนาดเล็กจะได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่เป็นขาขึ้นกว่า Top pick กลุ่มธนาคาร  คือ BBL ราคาเป้าหมายพื้นฐาน 151 บาท และ SCB  ราคาเป้าหมายพื้นฐาน 149.0 บาท
  2. กลุ่มการเงิน :  ราคาหุ้นปรับฐานลงต่อเนื่องมาจากการที่ Consensus ทยอยปรับลดคาดการณ์กำไร อย่างไรก็ตามคาดว่าราคาหุ้นตอบรับข่าวลบไปมากแล้วและเห็น Bottom โดยปัจจัยหนุนมาจาก เราคาดเงินเฟ้อ Peak ไปแล้ว  2)Bond yield เริ่มปรับลง และปัจจัยหนุนผลประกอบการ 2H22 คือ คาดรัฐบาลมีโอกาสปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ โดย KS ชื่นชอบ MTC, TIDLOR ฯลฯ
  3. กลุ่มโรงไฟฟ้า : ตลาดยังกังวล Recession  คาดเม็ดเงินจะไหลเข้ากลุ่ม Defensive  คือกลุ่มโรงไฟฟ้า โดย KS ชื่นชอบ กลุ่มโรงไฟฟ้า SPP เราคาดว่ากำไรไตรมาส 1Q22 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีเนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติค่อนข้างแกว่งตัวลง  และคาดจะมีปัจจัยหนุนจากค่า Ft งวด ก.ย.-ธ.ค.65 กำลังทยอยปรับเพิ่มขึ้น (ราวๆ 90-100 สตางค์) รวมถึงได้ประโยชน์จาก Bond yields ที่ปรับลดลง และค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าช่วงสั้น ดยเรายังคงคำแนะนำซื้อ BGRIM ราคาเป้าหมายทางพื้นฐาน 61.5 บาท  GSPC ราคาเป้าหมายทางพื้นฐาน 83.5บาท
  4. กลุ่ม Tech Consult อาทิ BBIK, BE8 จะได้ประโยชน์จากอัตราคิดลดที่ลดลง ดังที่ KS นำเสนอว่าตลาดเริ่มคาดFed จะเริ่มปรับลงในปี 2566 เพื่อต่อสู้กับเศรษฐกิจถดถอย

ส่วนประเด็นรายกลุ่มที่เกิดขึ้นและคาดจะมีผลต่อการลงทุนวันนี้  : 

1.) เมื่อวานราคาปิดหุ้น TLI  เมื่อวานอยู่ที่ 15.9  บาท ทำให้ TLI  ไม่ได้เข้า SET50/SET100 แบบ FAST TRACK เนื่องจาก Market cap อยู่ที่ 1.82 แสนลบ ทำให้ 1) ไม่ถึง 1% ของ SET Market cap. ที่ 1.87 แสนลบ. และ 2) น้อยกว่า Mkt cap SET 50 ตัวที่20 ประมาณ 2 แสนกว่า ล้านบาท คาดว่า TLI มีโอกาสเข้าคำนวณ SET50/SET100 อีกทีในรอบ 2H23 เพราะต้องรอข้อมูลการซื้อขายให้ครบ 6 เดือน (นับข้อมูลการซื้อขายถึง พ.ย. 2022) ซึ่งไม่ทันรอบ 1H23

KS ประเมินราคาหุ้นในกลุ่มที่ตลาดคาดก่อนหน้าว่ามีโอกาสถูกถอดออกจาก SET50 และ SET100  จะเห็นการ Rebound ในวันพรุ่งนี้เนื่องจากผ่อนคลายความกังวลจากประเด็นดังกล่าว หุ้น 2 ตัวสุดท้ายซึ่งมี Market cap น้อยที่สุดใน SET50 และตลาดคาดจะหลุดออกในช่วงก่อนหน้า คือ IRPC และ BLA ราคาหุ้นนับจากจุดสูงสุดของปีนี้ถึงปัจจุบัน IRPC  -23.5%, ส่วน  BLA -22.3% SET100 มีหุ้น 2 ตัวสุดท้ายซึ่งมี Market cap. น้อยที่สุด ตลาดคาดจะหลุดออกในช่วงก่อนหน้า คือ SYNEX และ TTA โดยราคาหุ้นนับจากจุดสูงสุดของปีนี้ถึงปัจจุบัน SYNEX  -47%, ส่วน TTA -25%

2.) ผู้ว่าราชการ กทม. เตรียมออกนโยบายแก้ไขปัญหา PM2.5 ของ กทม.จ่อออกประกาศคุมไซต์ก่อสร้าง อาทิ  ตรวจรถบรรทุกที่เข้าไซด์ก่อสร้างอย่างเข้มข้นไม่ให้ก่อควันดำ KS ประเมินผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานต่อบริษัทกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจำกัดมาก เพราะโดยปกติไซด์ก่อสร้างของ บจ.มีการตรวจสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว

3.) ประเด็นสำคัญวันนี้ติดตามการรายงานกำไร 2Q22 ของ HMPRO คาดกำไร 1,490 ลบ. -1% QoQ, +4% YoY) และพรุ่งนี้  SCGP (1,871 ลบ. +13% QoQ, -17% YoY)

มุมมองตลาดหุ้น  SET วันนี้คาด 1555-1570 จุด หุ้นแนะนำ JWD

Top pick : 

JWD (ราคาเป้าหมายพื้นฐาน 17.8 บาท) แนะเก็งกำไรคาดธุรกิจหลักจะได้ประโยชน์หากภาษีผ่อนคลาย เช่น คลังสินค้าสินค้าทั่วไป ลานสินค้าอันตราย อาหาร ขนส่งห้องเก็บให้เช่า   โดยราคาหุ้นปัจจุบันปรับลงมา  39%รับรู้ข่าวร้ายไปมากแล้ว

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ        

  • วันอังคาร ติดตามตัวเลข S&P Case Shiller Home Price ของสหรัฐฯ เดือน พ.ค. คาด +20.8% YoY (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ +21.2% YoY) ตัวเลข New Home Sales ของสหรัฐฯ เดือน มิ.ย. คาด -4.6% MoM เป็น 0.664mn และตัวเลข CB Consumer Confidence ของสหรัฐฯ คาด 97.3 จุด (-1.4% MoM)
  • วันพุธ ติดตามตัวเลข Gfk Consumer Confidence ของเยอรมันเดือน ส.ค. คาด -29 จุด (แย่ลงจากเดือนก่อนหน้าที่ -27.4 จุด) ตัวเลข Durable Goods Order ของสหรัฐฯเดือน มิ.ย. คาด -0.3% MoM ตัวเลข Pending Home Sales ของสหรัฐฯเดือน มิ.ย. คาด -1.5% MoM และปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ผลการประชุม Fed คาดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 75bps. เป็น 2.5%
  • วันพฤหัสฯ ติดตาม อัตราเงินเฟ้อของเยอรมันเดือน ก.ค. คาด +0.6% MoM และ +7.3% YoY (ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ +7.6% YoY) ตัวเลข GDP 2Q22 ของสหรัฐฯ คาด +0.5% QoQ (เทียบ 1Q22 ที่ -1.6% QoQ) ตัวเลข Initial Jobless Claim ของสหรัฐฯ คาด +253K (เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่ +251K)
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของยูโรโซน เดือน ก.ค. คาด +8.7% YoY (จากเดือนก่อนที่ +8.6% YoY) ตัวเลข GDP 2Q22 ของยูโรโซน คาด +0.1% QoQ และ +3.4% YoY ตัวเลข Personal Spending ของสหรัฐฯ เดือน มิ.ย.คาด +0.9% MoM ตัวเลข Personal Income ของสหรัฐฯ เดือน มิ.ย.คาด +0.5% MoM ตัวเลข PCE Price index ของสหรัฐฯ เดือน มิ.ย. คาด +0.9% MoM และ +6.7% YoY ตัวเลข Michigan Consumer Sentiment Index ของสหรัฐฯ เดือน ก.ค. คาด 51.1 จุด (+2.2% MoM) และตัวเลข Michigan 5Y inflation expectation เดือน ก.ค. คาด +2.8% (ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ +3.1%)
- Advertisement -