บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Maintain)
TP upside (downside) +34.0%
Close Jul 26, 2022 Price (THB) 9.70
12M Target (THB) 13.00
Previous Target (THB) 13.00
What’s new?
- คาดกำไรปกติใน 2Q65 ที่ 1.6 พันลบ. ลดลง 9% QoQ จากฐานที่เป็นจุดสูงสุดรายไตรมาสใน 1Q65 แต่เติบโต 42% YoY จากการรับรู้ Backlog แนวราบที่หนาแน่น และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจร่วมค้าที่เพิ่มขึ้นเด่น
- บริษัทรายงาน Presale ใน 2Q65 ที่ 1.3 หมื่นลบ. ( 3%QoQ, +28% YoY) หนุนจากการเปิดตัวโครงการ ใหม่ใน 2Q65 รวม 1.2 หมื่นลบ. ทำให้ภาพรวม Presale ใน 1H65 อยู่ที่ 2.6 หมื่นลบ. (+43% YoY) และคิดเป็น 51% เมื่อเทียบกับเป้าหมายทั้งปีของบริษัทที่ 5.0 หมื่นลบ.
Our view
- คาดกําไรปกติใน 2H65 เติบโตเด่น YoY (แต่ลดลง HoH จากฐานสูง) หนุนจากการเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ที่หนาแน่นและการโอนโครงการแนวสูง JV สร้างเสร็จใหม่ 2 โครงการรวมมูลค่า 9.5 พันลบ.
- เราคาด Presale ทั้งปี 2565 มีโอกาสที่จะทำได้สูงกว่าเป้า หนุนจากแผนเปิดตัวโครงการใหม่ใน 2H65 ที่สูงกว่า 5.4 หมั่นลบ.
- คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 13.00 บาท/หุ้น เราคาดว่าบริษัทจะสามารถเพิ่ม Market share ได้ต่อเนื่อง หนุนจากการเปิดตัวแบรนด์บ้านเดี่ยวใหม่ใน Segment 3-5 ลบ. และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เดิม
AP (THAILAND) คาดกำไร 2Q65 เติบโตสูง YoY
คาดกำไร 2Q65 เติบโตสูง YoY… และเติบโตต่อเนื่องใน 2H65
เราคาดกำไรปกติใน 2Q65 ที่ 1.6 พันลบ. (-9% QoQ, +42% YoY) ลดลง QoQ หลักๆ เป็นผลมาจากยอดโอนกรรมสิทธิ์คาดลดลง 9% เมื่อเทียบกับช่วง 1Q65 ที่เป็นฐานสูงระดับจุดสูงสุดรายไตรมาส กอปรกับใน 2Q65 กรรมสิทธิ์ที่คาดเติบโต 23% YoY เป็น 9.7 พันลบ. หนุนจากการรับรู้ Backlog โครงการแนวราบจากสิ้นไตรมาสก่อนที่สูงกว่า 1.2 หมื่นลบ. และการระบายสินค้าคงเหลือแนวราบที่ทำได้ในระดับที่ดี
นอกจากนี้ ปัจจัยหนุนเพิ่มเติมที่ทำให้กำไรปกติเติบโตเด่น YoY คือ ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจร่วมค้าใน 2Q65 คาดที่ 360 ลบ. (+46% QoQ, +99% YoY) เพิ่มขึ้นเด่นทั้ง QoQ และ YoY จากยอดโอนโครงการ JV คาดเติบโต 5% QoQ และ 38% YoY เป็น 2.3 พันลบ. กอปรกับบริษัทมีการตีกลับค่าใช้จ่ายที่ตั้งไว้สำหรับโครงการที่ใกล้ขายหมดแล้วราว 100 ลบ. +/-
อัตรากำไรขั้นต้นใน 2Q65 คาดที่ 33.5% (+13 bps QoQ, +183 bps YoY) เพิ่มขึ้นเด่น YoY มาจาก GPM โครงการแนวราบที่ดีขึ้นตามการปรับราคาขายในโครงการใหม่ เพื่อส่งต่อต้นทุนวัตถุดิบไปยังลูกค้าได้บางส่วน ด้าน SG&A Sale ใน 2Q65 คาดที่ 17.5% (+173 bps QoQ, +15 bps YoY) เพิ่มขึ้นสูง QoQ จากรายได้รวมที่ลดลงและค่าใช้จ่ายบุคลากรที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับแผนเปิดโครงการใหม่ที่หนาแน่น
สำหรับแนวโน้มกำไรในช่วง 2H65 คาดเพิ่มขึ้นเด่น YoY (แต่ลดลง HoH จากฐานสูง) หนุนจาก 1) แผนเปิดตัว โครงการแนวราบใหม่ใน 2H65 ที่คิดเป็นสัดส่วนกว่า 81% ของแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมดที่ 5.4 หมื่นลบ. และ 2) การรับรู้ Backlog โครงการแนวสูงสร้างเสร็จใหม่จำนวน 2 โครงการเริ่มโอนใน 3Q65 ได้แก่ JV-Life Sathorn Sierra (6.3 พันลบ. Sold 55%) และ JV-Rhythm Ekkamai Estate (3.2 พันลบ. Sold 35%)
Presale 1H65 เติบโต 43% YoY
บริษัทรายงาน Presale ใน 2Q65 ที่ 1.3 หมื่นลบ. (-3% QoQ, +28% YoY) แบ่งเป็นแนวราบ 9.8 พันลบ. (-10% QoQ, +7% YoY) และแนวสูง 2.8 พันลบ. (+30% QoQ, +292% YoY) หนุนจากการเปิดตัวโครงการใหม่ใน 2Q65 รวม 10 โครงการ แบ่งเป็น 1) แนวราบ 9 โครงการ รวมมูลค่า 1.1 หมื่นลบ. ทำ Take-up rate เฉลี่ยได้ค่อนข้างดีราว 23% ภายในไตรมาสแรกของการเปิดตัว แม้ว่าโครงการส่วนใหญ่มีการเปิดตัวในช่วงเดือน มิ.ย. และ 2) แนวสูง 1 โครงการ คือ Aspire Ratchayothin (1.4 พันลบ. Take-up rate 38%)
จาก Presale ใน 2Q65 ที่แข็งแกร่ง ทำให้ภาพรวม Presale ใน 1H65 เติบโต 43% YoY เป็น 2.6 หมื่นลบ. คิดเป็น 51% เมื่อเทียบกับเป้าหมายทั้งปีของบริษัทที่ 5.0 หมื่นลบ. (+43% YoY) เป็นผลให้เราคาด Presale ทั้งปี 2565 มีโอกาสทำได้สูงกว่าเป้าของบริษัท หนุนจากแผนเปิดตัวโครงการใหม่ใน 2H65 ทั้งสิ้น 40 โครงการ รวมมูลค่า 5.4 หมื่น ลบ. (+151%, HoH, +190% YoY และคิดเป็น 71% ของแผนทั้งปีที่ 7.5 หมื่นลบ.) แบ่งเป็น แนวราบ 37 โครงการ รวมมูลค่า 4.3 หมื่นลบ. และแนวสูง 3 โครงการ รวมมูลค่า 1.0 หมื่นลบ. (Aspire Sukhumvit Rama4 มูลค่า 4.2 พันลบ. เลื่อนเปิดตัวหนึ่งไตรมาสเป็น 3065) ส่งผลให้แนวโน้ม Presale ในช่วง 2H65 คาดเติบโตทั้ง HOH และ YoY
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 13.00 บาท/หุ้น
เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2565/66 ที่ 5.0 พันลบ. (+11% YoY) และ 5.4 พันลบ. (+7% YoY) ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม หากกำไรปกติใน 2Q65 ใกล้เคียงกับที่เราคาดจะทำให้กำไร 1H65 คิดเป็นกว่า 66% เมื่อเทียบกับประมาณการกำไรทั้งปี 2565 ของเรา ส่งผลให้มีโอกาสสูงที่เราและ Consensus จะมีการปรับประมาณการและราคาเหมาะสมขึ้นในลำดับถัดไป
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 13.00 บาท/หุ้น (อิง PER2565 ที่ 8.1x เทียบเท่า +1.0 SD จาก ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของบริษัท) จากการได้ Market share ด้านยอดขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง (ในช่วง 1H65 บริษัทมี Market share เป็นลำดับที่ 1 สัดส่วน 20.3% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับทั้งปี 2564 ที่ 18.0%) นอกจากนี้ ในวันที่ 25 ก.ค. 2565 บริษัทมีการแถลงข่าวเปิดตัวแบรนด์ใหม่ คือ “MODEN” ซึ่งเป็นแบรนด์บ้านเดี่ยวกลุ่มราคา 3-5 ลบ. (Segment ต่ำกว่าแบรนด์ Centro เดิม) เน้นในทำเลชานเมือง โดยในปีนี้มีแผนเปิด 3 โครงการในช่วง 4Q65 เรามีมุมมองเป็นบวก เนื่องจากเป็นโอกาสในการขยายไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยหนุนให้บริษัทสามารถเพิ่ม Market share รวมถึงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดบ้านเดียวได้อย่างต่อเนื่อง