บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action TRADING (Maintain)

TP upside (downside) +7.2%

Close Jul 26, 2022 Price (THB) 38.25

12M Target (THB) 41.00

Previous Target (THB) 33.25

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 2Q65 อยู่ที่ 144 ล้านบาทฟื้นตัวเด่น QoQ จากการปรับขึ้นค่า Ft และต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง QoQ ขณะที่การลดลง YoY เป็นผลมาจากราคาก๊าซธรรมชาติที่ยังสูงเมื่อเทียบกับ 2Q64
  • กำไรปกติ 2H65 มีแนวโน้มฟื้นตัว HoH จากราคาก๊าซธรรมชาติที่มี Upside จำกัด และการปรับขึ้นค่า Ft เดือน ก.ย.-ธ.ค. รวมถึงการลดปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยหลังมีการ COD โรงไฟฟ้า SPP Replacement 1 โรง ใน 3Q65

Our view

  • ปรับสมมติฐานราคาก๊าซธรรมชาติและค่าไฟฟ้าปี 2565 เป็น 430 บาท/MMBtu และ 4.00 บาท/หน่วย ตามลำดับ ทําให้กําไรปกติปี 2565 ลดลงเป็น 711 ล้านบาท
  • หากมองไปปี 2566 คาดราคาก๊าซธรรมชาติและค่าไฟฟ้าเป็น 410 บาท/MMBtu และ 4.20 บาท/หน่วย ตามลำดับ ทำให้กำไรปกติปี 2566 มีแนวโน้มเติบโตสูง YoY เป็น 2,848 ล้านบาท
  • ผลจากการปรับประมาณการและการรวมปัจจัยด้าน ESG ไว้ในการประเมินมูลค่า ทำให้เราปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ขึ้นเป็น 41.00 บาท/หุ้น มี Upside เหลือเพียง 7.2% จึงคงคำแนะนำ “Trading”

B.GRIMM POWER คาดกำไรปกติฟื้นตัวแรง QoQ

กำไรปกติมีแนวโน้มฟื้นตัวแรง QoQ จากต้นทุนก๊าซที่ลดลงและการปรับค่า Ft ขึ้น

คาดกำไรปกติ 2Q65 ของบริษัทฯที่ 144 ล้านบาท (+326% QoQ, -86% YoY) ฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำใน 1Q65 หนุนจาก 1) การปรับขึ้นค่า Ft รอบเดือน พ.ค. – ส.ค. 65 จำนวน 23.38 สตางค์/หน่วย 2) ต้นทุนก๊าซ ธรรมชาติที่คาดลดลงจาก 442 บาท/MMBtu ใน 1Q65 มาอยู่ที่ราว 425 บาท/MMBtu ใน 2Q65 (-4% QoQ) ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของ BGRIM ฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ในระดับ 10% ได้ และ 3) ปัจจัยฤดูกาลของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาวและโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนาม ขณะที่การลดลงอย่างมีนัยสำคัญ YoY เป็นผลจาก 1) ต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่สูง (+78% YoY) 2) การรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก UVBGP (JV ระหว่าง BGRIM และ JV) หลังมีการซื้อโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติขนาด 360MW เข้ามาใน 4Q64 (มีผลขาดทุนเพราะต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่สูง) อย่างไรก็ตาม ใน 2Q65 คาดมีรายการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 250 ล้านบาท หลังเงินบาทอ่อนค่ามาก ทำให้ BGRIM มีโอกาสรายงานผลขาดทุนสุทธิราว -106 ล้านบาทใน 2Q65

กำไรปกติมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง

กำไรปกติ 2H65 มีแนวโน้มฟื้นตัวเด่น HoH แม้คาดต้นทุนก๊าซธรรมชาติยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง (ราว 400-450 บาท/MMBtu) โดยเรามองว่าปัจจุบันราคาก๊าซธรรมชาติมี Upside ที่ค่อนข้างจำกัดแล้ว และจะเริ่มปรับตัวลงในระยะกลาง-ยาว สวนทางกับการปรับขึ้นค่า Ft สำหรับงวด ก.ย. – ธ.ค. 65 ของกกพ. ซึ่งมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นไม่ต่ำกว่า 68 สตางค์ต่อหน่วย (เสนอกรณีศึกษาสำหรับการปรับขึ้นค่า Ft 3 กรณี: 114.36 สตางค์/หน่วย, 91.51 สตางค์/หน่วย, และ 68.66 สตางค์/หน่วย) ซึ่งหากมีการปรับขึ้นจะทำให้ GPM ของ BGRIM สามารถฟื้นตัวได้ HoH นอกจากนี้บริษัทฯยังได้แรงหนุนจากการ COD โรงไฟฟ้า BPLC1R ขนาด 140MW ทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมขนาด 103MW ใน 3Q65 โดยโรงไฟฟ้าใหม่จะสามารถลดปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยลงได้ราว 15% (หนุนให้ GPM ดีขึ้นในระยะยาว)

คาดกำไรปกติปี 2565 หดตัว YoY แต่จะกลับมาเติบโตสูงในปี 2566

เราปรับสมมติฐานราคาก๊าซธรรมชาติและราคาค่าไฟฟ้าต่อหน่วยของกลุ่ม IU ในปี 2565 ขึ้นเป็น 430 บาท/MMBtu และ 4.00 บาท/หน่วย ตามลำดับ เพื่อสะท้อนต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่สูง และแนวโน้มการปรับขึ้นค่า Ft ในเดือน ก.ย. – ธ.ค. (คาดปรับขึ้นค่า Ft ในรอบดังกล่าวราว 70 สตางค์/หน่วย) ส่งผลให้ประมาณการกำไรปี 2565 ลดลง 45% เป็น 711 ล้านบาท (-71% YoY) แต่หากมองไปปี 2566 เบื้องต้นคาดกกพ.จะยังคงอัตราค่าไฟฟ้าไว้ในระดับสูง เพื่อนำเงินไปลดภาระค่าไฟฟ้าของกฟผ. ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มลดลง YoY เราจึงปรับสมมติฐานราคาก๊าซธรรมชาติและค่าไฟฟ้าของกลุ่ม IU ปี 2566 เป็น 410 บาท/MMBtu และ 4.20 บาท/หน่วย ตามลำดับ ทำให้ประมาณการกำไรปี 2566 เพิ่มขึ้น 19% เป็น 2,848 ล้านบาท (+301% YoY)

ปรับราคาเหมาะสมขึ้นแต่คงคำแนะนำ “TRADING”

แม้เราปรับประมาณการกำไรปีนี้ลง แต่ผลของราคาก๊าซธรรมชาติที่มีแนวโน้มลดลง รวมถึงค่า Ft ที่สูงขึ้น ส่งผลให้กำไรปกติตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไปเพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมราว 3-16% และเมื่อรวมกับ Premium จาก Yuanta ESG Rating 2% (เราประเมินปัจจัยด้าน ESG ของ BGRIM ไว้ในระดับ AA) ทำให้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 41.00 บาท/หุ้น มี Upside เหลือเพียง 7.2% จึงยังคงคำแนะนำ “TRADING”

- Advertisement -