บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action TRADING (Maintain)

TP upside (downside) +15.2%

Close Jul 26, 2022 Price (THB) 368.00

Target(THB) 424.00

Previous Target (THB) 375.00

What’s new?

  • DELTA รายงานกำไรสุทธิ 2Q65 4.3 พันล้านบาท (+53.4% QoQ, +157.6% YoY) แต่หากตัดรายการพิเศษ กำไรปกติจะอยู่ที่ 3.9 พันล้านบาท (+74.2% QoQ, +173.5% YoY
  • กำไรปกติสูงกว่าที่เราและตลาดคาด หนุนจากยอดขายสกุลเงิน USD ที่เติบโตเด่น และอัตรากำไรขั้นต้นที่ทำได้ดีกว่าคาด

Our view

  • เราปรับเพิ่มประมาณการปี 2565/66 เป็น 1.0 หมื่นล้านบาท (+67% YoY) และ 1.1 หมื่นล้านบาท (+11%YoY) ตามลำดับ หลักๆ จากการปรับสมมติฐานค่าเงินบาท/USD และการปรับอัตรากําไรขันต้น
  • คงคำแนะนํา “TRADING” ผลจากการปรับประมาณการ ทำให้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 424.00 บาทต่อหุ้น (อิง PER 52x,+0.5SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี)

DELTA ELECTRONICS กำไรปกติ 2Q65 ดีกว่าที่เราและตลาดคาดอย่างมีนัยสําคัญ

กำไรปกติ 2Q65 เติบโตเด่น QoQ และ YoY จากยอดขายและ GPM ที่ดีกว่าคาด

DELTA รายงานกำไรสุทธิ 2Q65 ที่ 4.3 พันล้านบาท (+53.4% QoQ, +157.6% YoY) แต่หากตัดกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 346 ล้านบาท กำไรปกติจะอยู่ที่ 3.9 พันล้านบาท (+74.2% QoQ, +173.5% YoY) กำไรปกติสูงกว่าที่เราและตลาดคาด 68% และ 56% ตามลำดับ จากยอดขายสกุลเงิน USD ที่เติบโตเด่น และอัตรากำไรขั้นต้นที่ทำได้ดีกว่าคาด สรุปสาระสำคัญดังนี้

1) รายได้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำได้ราว 809 ล้านเหรียญ (+9.2% QoQ, +23.3% YoY) ดีกว่าที่เรา คาดที่ 705 ล้านเหรียญ (-5.0% QoQ, +7.4% YoY) แม้ในเดือนเม.ย.จะมีวันหยุดยาวทำให้วันผลิตลดลง และเกิดผลกระทบจากการล็อกดาวน์ในจีน ทำให้บริษัทฯ เกิดปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิต  เนื่องจากโดยปกติบริษัทฯ มีการสั่งซื้อวัตถุดิบจากจีนราว 45% ของวัตถุดิบทั้งหมด แต่ยอดขายสามารถ เติบโตดีกว่าที่เราและตลาดคาด เราสอบถามบริษัทฯ ในเบื้องต้นได้สาเหตุว่าในเดือนมิ.ย. หลังจีนเริ่มคลายล็อกดาวน์ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบสามารถคลี่คลายลงได้เร็วกว่าที่ประเมินไว้ ทำให้สามารถเร่งผลิตสินค้าเพื่อส่งมอบให้ลูกค้าได้ตามคำสั่งซื้อที่แข็งแกร่ง สินค้าที่ยอดขายเติบโตที่ยังคงเป็นสินค้ากลุ่ม Power Electronic Group (75% ของรายได้รวม) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้ากลุ่ม Data Center เป็นหลัก

2) อัตรากำไรขั้นต้นทำได้ 25.1% (+419bps QoQ, +345bps YoY) GPM ที่ดีขึ้นได้แรงหนุนสำคัญจาก สัดส่วนการเติบโตของยอดขายสินค้ากลุ่ม Data Center ซึ่งเป็นธุรกิจที่มี GPM สูง เมื่อประกอบกับค่าเงิน บาท/USD ที่อ่อนค่าลงราว +4.2% QoQ, +10.1% YoY ช่วยหนุนอัตราการทำกำไรในไตรมาสนี้

3) SG&A อยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท (+7.1% QoQ, +0.7% YoY) SG&A to sale อยู่ที่ 11.3% ดีกว่าที่เราคาด

ผลประกอบการที่ออกมาดีกว่าคาด ทำให้เราปรับเพิ่มประมาณการปี 2565/66

กำไร 1H65 คิดเป็น 69% ของประมาณการกำไรปกติปี 2565 เดิมของเราที่ 8.9 พันล้านบาท (+47%YoY) ขณะที่แนวโน้ม 2H65 อิง Guidance จากบริษัทฯ คำสั่งซื้อจากลูกค้ายังแข็งแกร่ง ส่วนปัญหาการจัดหาวัตถุดิบคาดจะค่อยๆ คลี่คลายกลับสู่สภาวะปกติมากขึ้น ทำให้ภาพรวมอัตราการทำกำไรน่าจะรักษาระดับที่สูง ทำให้ GPM ทั้งปีใกล้เคียงที่ 23% ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ได้

จากผลประกอบการ 2Q65 ที่ออกมาดีกว่าที่เราและตลาดคาด ทำให้เราปรับเพิ่มประมาณการปี 2565/66 เป็น 1.0 หมื่นล้านบาท (+67%YoY) และ 1.1 หมื่นล้านบาท (+11%YoY) ตามลำดับ หลักๆ จากการปรับสมมติฐานค่าเงินบาท/USD และปรับอัตรากำไรขั้นต้น ขณะที่ประมาณการปี 2565 ของเรายังคาดยอดขายกุลเงิน USD เติบโตเพียง 10% YoY เทียบเท่าขอบล่างที่บริษัทฯ ให้ไว้ว่าจะเติบโต 10-20% YoY

ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมเป็น 424.00 บาทต่อหุ้น แต่คงคำแนะนำ “TRADING”

ผลจากการปรับเพิ่มประมาณการทำให้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ปรับเพิ่มเป็น 424.00 บาทต่อหุ้น (อิง PER 52x เทียบเท่า +0.5SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) แม้เราชอบธุรกิจหลักของ DELTA ที่เกาะไปกับการเติบโตมหาศาลของ 5G และ EV Car ซึ่งสะท้อนมาในงบ 2Q65 ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่เริ่มส่งสัญญานถึงความอ่อนแอ แต่ยอดขายสินค้าหลักของ DELTA ยังเติบโตได้ แต่เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside ไม่สูงมากนัก และยังซื้อ ขาย บน PER65 ที่ 45x และ PER66 ที่ 41x สูงกว่ากลุ่มอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น แม้ธุรกิจแข็งแกร่งแต่เราประเมินว่าไม่ใช่ระดับราคาที่จะใส่น้ำหนักในการเข้าลงทุนรอบใหม่ จึงคงคำแนะนำเพียง “TRADING”

ความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ 1) ค่าเงินบาท/USD 2) ราคา Commodity ที่ขึ้นต่อเนื่อง 3) เกิดการระบาดที่รุนแรงของ COVID-19 กระทบสายการผลิต และ 4) การเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

- Advertisement -