บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:

SCG Packaging (SCGP) กำไร 2Q65 ฟื้นตัวต่อใกล้คาด

Results Review

แนวโน้มครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวต่อเนื่อง คงประมาณการ และแนะนำซื้อ

2Q65 มีกำไรปกติ 1,906 ล้านบาท ฟื้นตัวดีขึ้นต่อจากไตรมาสก่อน 11%QoQ แต่ลดลงจากปีก่อน 17%YoY ถูกกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น ใกล้กับที่เราคาด เราคาดหมายผลประกอบการครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวดีขึ้น แรงหนุนจากไทย และอาเซียนมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติ เราคงประมาณปีนี้คาดกำไร 8,163 ล้านบาท โตเล็กน้อย 2% แนวโน้มระยะยาวคาดจะเติบโตสูง จากการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ และกลยุทธ์โซลูชันบรรจุภัณฑ์ครบวงจร และบรูณาการภายในห่วงโซ่คุณค่า เราคงแนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเป้าหมาย 65 บาท ด้วยวิธี DCF (8%WACC, 3.2%G)

กำไรปกติฟื้นตัวดีขึ้นต่อ แต่ยังไม่เด่นลดลง YoY

SCGP ประกาศผลประกอบการ 2Q65 มีกำไรปกติ 1,906 ล้านบาท (+11%QoQ, -17%YoY) ใกล้เคียงกับที่เราคาดหมายจะมีกำไรเท่ากับ 1,880 ล้านบาท ผลประกอบการได้แรงหนุนจากยอดขาย 37,982 ล้านบาท เติบโตสูงจากปีก่อน 27% จากการขยายกิจการทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการควบรวมกิจการ และราคาขายที่ปรับตัวสูงขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น 17.6% จาก 17.2% ในไตรมาสก่อน แรงหนุนจากราคาเยื่อกระดาษปรับตัวสูงขึ้น แต่ลดลงจากปีก่อน 20.6% จากต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น

เพิ่มเป้าหมายยอดขายเป็น 1.5 แสนล้านบาท โต 20.7%

จากประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวาน (26 ก.ค.) ผู้บริหารปรับเป้าหมายยอดขายในปีนี้เพิ่มขึ้นจาก 1.4 แสนล้านบาท เป็น 1.5 แสนล้านบาท โต 20.7% แรงหนุนจากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ในไทยและอาเซียนมีแนวโน้มดีขึ้น จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เราคงประมาณการยอดขายในปีนี้ 146,730 ล้านบาท เติบโต 18% ต่ำกว่าผู้บริหารไม่มาก ในขณะที่สถานการณ์ต้นทุน คือ กระดาษรีไซเคิลดีขึ้น มีต้นทุนต่ำลง และค่าระวางก็ปรับตัวลดลง จะทำให้แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก เราคงประมาณการกำไร 8,163 ล้านบาท ใกล้เคียงปีก่อน ส่วนปี 2566 คาดกำไรจะกลับมาเติบโต 18% สู่ระดับ 9,659 ล้านบาท

คงตั้งงบลงทุนปีนี้ 20,000 ล้านบาท สนับสนุนการเติบโต

ผู้บริหารคงตั้งงบลงทุนในปีนี้ 20,000 ล้านบาท รองรับการเติบโตในอนาคตครึ่งปีแรกลงทุนไปแล้ว 3,100 ล้านบาท ครึ่งปีหลังจะมี 13,000 ล้านบาท เป็นงบลงทุนที่วางแผนไว้แล้ว คือ M&P (Merge & Partnership) Peute และ Duytan รวม 6,500 ล้านบาท และขยายโรงงานกระดาษบรรจุภัณฑ์ในเวียดนาม 6,500 ล้านบาท และจะมี M&P ในอนาคตอีก 2 บริษัทประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนหนี้ต่อทุนต่ำเพียง 0.6 เท่า มีกระแสเงินสดในรูป EBITDA สูง 2.2 หมื่นล้านบาท ทำให้ Net Debt to EBITDA ต่ำ 1.8 เท่า ซึ่งจะใช้กระแสเงินสดจากภายในและการกู้ยืมในการลงทุน

- Advertisement -