Our View? “ค่าเงินจะเริ่มพลิกกับมาหนุน”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Up” มองแนวรับที่บริเวณ 1,570 / 1,560 และแนวต้านที่บริเวณ 1,580 / 1,590 คาดตลาดอาจได้รับ Sentiment เชิงบวกจากตลาดต่างประเทศบ้าง โดยตลาดสหรัฐปรับตัวขึ้นได้ดีจากการที่ 77.8% ของ บจ. ในตลาดสหรัฐที่รายงานผลประกอบการออกมาแล้วดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ สะท้อนความแข็งแกร่งของตลาดทุนสหรัฐ ขณะที่ผลการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% ขึ้นสู่ระดับ 2.25-2.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อีกทั้งยังส่งสัญญาณปรับลดความร้อนแรงในการคุมเข้มนโยบายทางการเงินสู่ระดับปานกลาง โดยอาจชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไป ขณะที่การเปิดเผยตัวเลข GDP 2Q65 ออกมาหดตัว 0.9% ซึ่งถือเป็นการติดลบ 2 ไตรมาสติดต่อกัน และเป็นการเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค ซึ่งคาดจะกระตุ้นตลาดปรับลดคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยของ FED ได้ในระยะถัดไป โดยล่าสุด CME FED Watch Tools คาดการณ์ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงสุดถึงแค่ในช่วงปลายปีที่ระดับ 3.25-3.50% และจะเริ่มทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วง 2Q66 สะท้อนภาพตลาดคาดการณ์ถึงช่วงสูงสุดของการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ไปบ้างแล้ว คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกหนุนทิศทางตลาดฟื้นตัวกลับขึ้นได้ สอดคล้องกับ Dollar Index ปรับตัวลงต่อ คาดจะช่วยหนุนทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติมีโอกาสไหลกลับเข้าหาตลาดในภูมิภาคได้บ้าง จากมุมมองความน่าสนใจจากค่าเงินตลาดในภูมิภาคที่เริ่มชะลอการอ่อนตัวลง และมีโอกาสพลิกกลับมาแข็งค่าได้

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาพยายามปรับตัวขึ้นอีกครั้งปิดที่ระดับ 98.62 ดอลลาร์/บาร์เรล +2.20 ดอลลาร์ +2.28% คาดการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐช่วยหนุนทิศทางราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นได้บ้าง ขณะที่แนะนำติดตามการประชุม OPEC+ วันที่ 3 ส.ค. นี้ คาด OPEC+ มีโอกาสคงระดับการผลิตไว้ที่ระดับเดิม จากการที่กำลังการผลิตของ OPEC+ ในปัจจุบัน เริ่มเข้าสู่ภาวะตึงตัวมากขึ้น แม้สหรัฐพยายามเรียกร้องให้ OPEC+ ปรับเพิ่มกำลังการผลิตขึ้น อีกทั้งอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ และการที่ซาอุดีอาระเบียมีโอกาสปรับขึ้นราคาขายน้ำมันดิบเดือน ก.ย. สำหรับลูกค้าเอเชีย คาดจะเป็นปัจจัยบวกระยะสั้นหนุนทิศทางราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานฟื้นตัวขึ้นได้บ้าง อย่างไรก็ตาม เรามองแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยคาดกดดันทิศทางอุปสงค์น้ำมันได้อยู่ กดดันทิศทางราคาพลังงานอ่อนตัวลงได้ในระยะถัดไป ยังเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF, GPSC และ BGRIM) ในแง่ทิศทางราคาต้นทุนจากก๊าซธรรมชาติที่มีโอกาสปรับตัวลดลง อีกทั้งการที่ กกพ. ปรับขึ้นค่า Ft. ในช่วงเดือน ก.ย. – ธ.ค. อีก 68.66 สตางค์/หน่วย คาดจะหนุนทิศทางราคาปรับตัวขึ้นได้

สําหรับปัจจัยในประเทศ แนะนำติดตามการเปิดเผนผลประกอบการไตรมาส 2 ต่อ คาดอาจเห็นแรงเก็งกำไรในหุ้นรายตัวได้บ้าง โดยเรามองหุ้นในกลุ่มการเงิน (MTC, SAWAD และ TIDLOR) ได้บ้าง จากคาดการณ์การรายงานผลประกอบการ 2Q′65 อาจออกมาปรับตัวเพิ่มขึ้น YoY หลังความต้องการสินเชื่อฟื้นตัวขึ้นจากการที่เศรษฐกิจไทยเริ่มกลับมาดำเนินงานอีกครั้ง รวมถึงราคาสินค้าเกษตรที่อยู่ในระดับสูง ทั้งนี้เราแนะนำระมัดระวังการผันผวนของดัชนีจากการเคลื่อนไหลของหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA, KCE, HANA, CCET, SVI และ SMT) ได้บ้าง หลังวันพุธที่ผ่านมา DELTA รายงานผลประกอบการออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้มาก ทั้ง QoQ และ YOY คาดจะหนุนแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มดังกล่าวได้ต่อ

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “SMT”

กลยุทธ์ เก็งกำไร แนวรับ 4.50 / 4.40 Target 4.86 / 5.50 Stop <4.34

- Advertisement -