บล.บัวหลวงฯ:

Siam Cement (SCC TB/SCC.BK)

SCC – กำไรไตรมาส 2/65 สูงกว่าคาด ; แนวโน้มระยะสั้นที่ไม่น่าตื่นเต้นได้สะท้อนไปในราคาแล้ว

กําไรสูงกว่าคาด

SCC รายงานกําไรสุทธิไตรมาส 2/65 ที่ 9,938 ล้านบาท ลดลง 42% YoY แต่เพิ่มขึ้น 12% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรหลักจะอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท ลดลง 41% YoY แต่เพิ่มขึ้น 29% QoQ ซึ่งสูงกว่าที่เราคาด 34% (และสูงกว่าที่ตลาดคาด 20%) เนื่องจากเงินปันผลร้บที่มากกว่าคาด SCC ประกาศจ่ายเงินปันผลสําหรับครึ่งแรกของปี 2565 ที่ 6 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลขั้นต้นที่ 1.6% (จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 10 ส.ค. และจ่ายปันผลในวันที่ 26 ส.ค.)

ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ

ปัจจัยหลักที่กดดันกำไรหลักให้ปรับตัวลดลง YoY ได้แก่ 1) กําไรจากธุรกิจปิโตรเคมีที่ปรับตัวลดลง, 2) กำไรจากธุรกิจธุรกิจซีเมนต์และวัสดุ ก่อสร้างที่ปรับตัวลดลง, 3) กำไรจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ลดลง, 4) ส่วนแบ่งกําไรจากบริษัทร่วมที่ปรับตัวลดลง, และ 5) อัตราภาษีจ่ายที่สูงขึ้น ในขณะที่ปัจจัยหลักที่หนุนการเติบโตของกำไรหลัก QoQ ได้แก่ 1) กําไรจากธุรกิจปิโตรเคมีปรับตัวเพิ่มขึ้น และ 2) รายได้อื่นๆ ที่เพิ่มขึ้น (เงินปันผลรับ)

ธุรกิจปิโตรเคมีรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/65 ที่ 3,704 ล้านบาท ลดลง 64% YoY (ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงและส่วนแบ่งกําไรจากบริษัทร่วมปรับตัวลดลง) แต่เพิ่มขึ้น 3% QoQ (ส่วนต่างราคา ผลิตภัณฑ์บางประเภทที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น) ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างรายงานก่าไรสุทธิที่ 1,668 ล้านบาท ลดลง 32% YoY และ 28% QoQ (อุปสงค์ที่อ่อนตัวลงและอัตรากําไรที่ปรับตัวลดลง) ในขณะที่กำาไรจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 1,856 ล้านบาท ลดลง 18% YoY (EBITDA margin ของธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรที่ปรับตัวลดลง) แต่ เพิ่มขึ้น 12% QoQ (กําไรจากอัตราแลกเปลี่ยน)

แนวโน้ม

กําไรหลักของ SCC มีแนวโน้มอ่อนตัวลงทั้ง YoY และ QoQ ในไตรมาส 3/65 เป็นผลมาจากกำไรที่ลดลงจากธุรกิจปิโตรเคมี (ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับลดลง) และจากธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง (อุปสงค์ที่ชะลอตัวและช่วงโลว์ซีซั่น) อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากําไรของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ดีเพิ่มขึ้นหนุนโดยการเติบโตของอุปสงค์และการขยายตัวของอัตรากําไรที่น่าจะช่วยบรรเทาการอ่อนตัวลงของกําไรหลักได้บางส่วน เมื่อมองไปข้างหน้ากําไรหลักของบริษัทคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ในไตรมาส 4/65 หนุนโดยผลประกอบที่ดีขึ้นในทุกธุรกิจ (อุปสงค์ที่ปรับตัว ดีขึ้นและอัตรากาไรที่สูงขึ้น)

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 เพิ่มขึ้น 3% ไปเป็น 38,339 ล้านบาท เพื่อให้สะท้อนรายการพิเศษที่บันทึกในช่วงครึ่งแรกของปี 2565

คำแนะนำ

แม้จะมีแนวโน้มที่ไม่น่าตื่นเต้นต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3/65 แต่ผลการดำเนินงานของ SCC มีแนวโน้มฟื้นตัวในไตรมาส 4/65 โดยได้แรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นในทุกธุรกิจ นอกจากนี้มูลค่าหุ้นปัจจุบันของ SCC ยังคงน่าสนใจ โดยชื่อขายที่ PBV ณ สิ้นปี 2565 ที่ 1.2 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 2.2 เท่า อยู่ 1.5 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) และคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดีในปี 2565 ที่ 4.3% (เทียบกับ 2.8% โดยเฉลี่ยส่าหรับตลาดหลักทรัพย์)

SCC – ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์

What’s new?

ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมายืนยันมุมมองเชิงบวกของเราต่อแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาวของบริษัท

Highlights:

  • ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง (CBM): คาดอุปสงค์ในประเทศไทยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องใน 3Q22 ในด้านการกลยุทธ์การบริหารต้นทุนที่สูงขึ้นของธุรกิจ CBM บริษัทมีแผนปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์และการใช้พลังงานทางเลือกเพิ่มขึ้น ผู้บริหารเชื่อว่าจะช่วยลดผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้และสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจ CBM ได้
  • ธุรกิจเคมิคอลส์: อุปสงค์ในภาพรวมยังคงแข็งแกร่ง แต่อุปสงค์ในจีนยังชะลอตัว (คาดว่าจะค่อยๆปรับตัวดีขึ้น) ในขณะที่การเริ่มดำเนินงานของกำลังการผลิตใหม่จะเป็นปัจจัยด้านอุปทานที่กดดันส่วนต่างราคาปิโตรเคมีใน 3Q22
  • SCC วางแผนงบลงทุนปี 2022 ไว้ที่ 7 หมื่นล้านบาท (มุ่งเน้นการลงทุน ในโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง และแสวงหาโอกาสในการทำ M&A ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทและสามารถรับรู้ผลประโยชน์ได้ทันที) สถานะทางการเงินของ SCC ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีเงินสดในมือที่ 6.9 หมื่นล้านบาท และอัตราส่วน Net D/E ที่เพียง 0.6 เท่า ณ สิ้น 2Q22 ดังนั้นบริษัทจึงมีความสามารถในการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตได้อีกมาก
  • SCC ยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจที่มี ESG แข็งแกร่ง โดยตั้งเป้าหมายการลด greenhouse gas สุทธิลง 20% ในปี 2030 (จากปี 2020 ซึ่งเป็นปีฐาน) และตั้งเป้าหมาย net zero carbon emission ในปี 2050

View From Fundamental:

แม้จะมีแนวโน้มที่ไม่สดในนักในระยะสั้น แต่กำไรของ SCC มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปี นอกจากนี้มูลค่าหุ้นปัจจุบันของ SCC อยู่ในระดับน่าลงทุน โดยซื้อขายที่ PBV ณ สิ้นปี 2022 ที่ 1.2 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว ที่ 2.2 เท่า อยู่ 1.5SD) พร้อมอัตราตอบแทบจากเงินปันผลปี 2022 ที่ 4.2% (เทียบกับค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ที่ 2.8%) เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” (ราคาเป้าหมาย 480 บาท)

- Advertisement -