ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

ฟื้นตัวต่อ ทิศทางฟันด์โฟลว์ดูดีขึ้น

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันจันทร์ ปรับตัวขึ้นต่อ… หลังจากเมื่อวันพุธที่แล้วก่อนหยุดยาว 4 วัน ตลาดหุ้นไทยแรลลี่แรงกว่าที่เราคาด แต่หลักๆ เกิดจากหุ้นกลุ่มอิเลกโทรนิกส์โดยเฉพาะ DELTA (+28.8%) ที่ปรับขึ้นแรงมาก ตามผลประกอบการไตรมาส 2/2565 ที่สูงกว่าคาดมาก…. ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยโดยรวมยังคงเป็นบวกอยู่ กล่าวคือ i) ผลประชุม ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) เมื่อวันพุธที่แล้ว ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ 2.50% ตามที่เราและตลาดคาด แต่ประธานเฟดส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไปแล้ว และขณะนี้ตลาดการเงินมองว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในกลางปี 2566 ii) สหรัฐฯ รายงาน GDP ไตรมาส 2/2565 ติดลบ 0.9% QoQ เทียบรายปี ส่งผลให้สหรัฐฯ เข้าสู่ technical recession’ แล้วหลังจาก GDP ติดลบ 2 ไตรมาสติดต่อกัน ซึ่งประเด็นดังกล่าวน่าจะกดดันค่าเงินดอลล่าร์ฯ และส่งผลให้ค่าเงินบาทพลิกมาแข็งค่า ส่งผลดีต่อทิศทางของฟันด์โฟลว์ในระยะถัดไป (อ่านเพิ่มเติมในบทวิเคราะห์เศรษฐกิจไทย เช้าวันนี้)… อย่างไรก็ดี จิตวิทยาของตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้จะถูกกระทบบ้าง หลังจากประเทศจีนรายงานดัชนี NBS PMI ภาคการผลิต ก.ค. ต่ำกว่าที่ตลาดคาด และชี้ถึงการหดตัวใน ภาคการผลิต… ด้านปัจจัยภายในประเทศ ธปท. รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ มิ.ย. ยังเห็นถึงความแข็งแกร่งของรายได้ภาคเกษตรและดัชนีการบริโภคส่วนบุคคล และสัปดาห์นี้จะมีการรายงานงบไตรมาส 2/2565 ของกลุ่มที่ไม่ใช่ธนาคารมากขึ้น ส่วนในสัปดาห์หน้า highlight น่าจะเป็นผลการประชุม กนง. ในวันที่ 10 ส.ค. ซึ่งทางเรามองว่า กนง. จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.75%

หุ้นเด่นวันนี้ตามปัจจัยพื้นฐาน 

เก็งกำไร ECL, GPSC*, KBANK*

  • ECL (เป้าพื้นฐาน 3.4 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 2.34 บาท / แนวต้าน 2.48 – 2.58 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบกรอบแนวต้านถัดไป 2.8 – 3.0 บาท (Stop loss 2.2 บาท) 2) ประเมินกำไรปีนี้ทะลุ +200 ล้านบาท ทำจุดสูงสุดใหม่ หลังการปรับคุณภาพสินทรัพย์และการคัดกรองสินเชื่อใหม่ ทำให้หนี้เสียลดลงและพร้อมกลับมาปล่อยสินเชื่อรถยนต์มือสองเชิงรุกปีนี้ (คาดปีนี้ปล่อยสินเชื่อใหม่ +2 พันล้านบาท) 3) คาด NIM ยืนสูงต่อเนื่องจากจาก i) ดอกเบี้ยรถยนต์ มือสองของ ECL ที่ยังต่ำเพียง +/-11% (ยังต่ำกว่าเพดานมาก) ii) เปิดสินเชื่อรถแลกเงินให้ลูกค้าเก่าใน 3Q65 iii) ได้เงินทุนต้นทุนต่ำจาก Sumitomo Mitsui Banking Corporation: SMBC ด้วยต้นทุน ดอกเบี้ยรวมอัตราค่าค้ำประกันที่เพียง 2.6% 4) Valuation ไม่แพง PBV 1.4 เท่า (ค่าเฉลี่ยในอดีต = 1.3 เท่า) ขณะที่คาดกำไรทำนิวไฮ
  • GPSC* (เป้าพื้นฐาน 82 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 67 บาท / แนวต้าน 68.5 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบกรอบแนวต้านถัดไป 70.5 – 72.5 บาท (Stop loss 65.5 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานพ้นจุดต่ำสุด ขณะที่มี Catalyst บวก i) การปรับขึ้นค่า Ft สำหรับงวดเดือน ก.ย. – ธ.ค. ii) นโยบายสนับสนุนรถอีวีและแบตเตอรี่ของภาครัฐฯ 3) Valuation ไม่ แพง PBV 1.76 เท่า และ Forward PE ปี 2566 +/-29 เท่า เทรดที่ระดับค่าเฉลี่ยย้อนหลังในอดีต ขณะที่คาด Earnings momentum ฟื้นตัวต่อเนื่อง คาดกำไรปีหน้าโต +30% YoY
  • KBANK* (เป้าพื้นฐาน 188 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 145 บาท / แนวต้าน 147.5 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสฟื้นตัวทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 152 บาท (Stop loss 142 บาท) 2) ประเมิน Catalyst บวกรออยู่ อาทิ i) การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ii) การเตรียมรับรู้กำไรจากการร่วม JV บริหารหนี้เสียกับทาง JMT iii) Growth story ใหม่ๆ จากการร่วมทุนธุรกิจร้านค้าปลีกกับ CBG* 3) Valuation ไม่แพง PBV 0.71 เท่า คิดเป็นเพียงราว -1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต

หุ้นมีข่าว

(+) GULF* ใส่เงิน 5 พันล้าน ลุยบริษัทร่วมทุนกันกุล (ข่าวหุ้น) GUNKUL จับมือ GULF* ตั้งบริษัทร่วมทุน Gulf Gunkul Corporation ถือหุ้น 50:50 ลุยพลังงานหมุนเวียนในไทยและตปท. 1 พันเมกะวัตต์ ใน 5 ปี ล่าสุด GULF บุกเต็มสูบ ใส่เงินเพิ่มทุน 5,000 ล้านบาท

(0) บอร์ดกกพ.ขึ้น Ft ไม่ต่ำ 68 สต. ดันค่าไฟฟ้าพุ่งแตะ 4.72 บาทต่อหน่วย (ข่าวหุ้น) บอร์ด กกพ. เคาะแล้ว ขึ้นค่า Ft งวด ก.ย.-ธ.ค.65 อีกกว่า 68.66 สตางค์ต่อหน่วย และเมื่อรวมกับค่า Ft ปัจจุบัน จะทำให้ค่า Ft โดยรวมขยับขึ้นเป็น 93.43 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าที่ประชาชนต้องจ่ายจริงอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย

(+) BTS เข้าสู่วงการประกันชีวิต ส่ง.แรบบิทไลฟ์ชิงท็อป 10 (ทันหุ้น) แรบบิทไลฟ์ ภายใต้กลุ่มธุรกิจในเครือของบีทีเอส กรุ๊ป เข้าสู่วงการประกันชีวิตเต็มสูบ ส่งแรบบิท ไลฟ์ ชิงส่วนแบ่งตลาด เป้าหมาย ท็อป 10 ใน 3 ปี ผู้บริหารเผย น้องใหม่ธุรกิจ แต่ทีมงานเก๋าวงการประกัน พร้อมเจาะคนรุ่นใหม่

(+) COM7* รุกธุรกิจประกันวินาศภัย ส่งบริษัทย่อยถือหุ้น “พุทธธรรมประกันภัย” 89.29% (ข่าวหุ้น) COM7* ส่งบริษัทย่อย Com7 Holding ซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ “พุทธธรรมประกันภัย” หรือ PTI ซึ่งธุรกิจประกันวินาศภัย มูลค่า 170 ล้านบาท เข้าถือหุ้น 89.29% พร้อมเตรียมให้ PTI กู้ยืมเงินหรือการเพิ่มทุนอีก 230 ล้านบาท คาดต้องใช้เงินรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 400 ล้านบาท หวังขยายประเภทธุรกิจ เพิ่มช่องทางการขายสินค้า บริการ หวังหนุนยอดขายและรายได้เพิ่มขึ้น

(+) AWC* เปิดโมเดลธุรกิจใหม่ รุกลงทุนรร.เมืองท่องเที่ยว (ทันหุ้น)  AWC* บอร์ดไฟเขียวตั้งบริษัทร่วมทุน “เอดับบิวซี ฮอสปีทอลลิตี้ เดเวลอปเมนท์” รุกลงทุนในโรงแรมตามแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของไทย เล็งเพิ่มทุนเป็น 1.08 หมื่นล้านบาท ในอนาคต ฟากโบรกคาดผลงานไตรมาส 4/2565 พลิกเป็นกำไรการกลับมาท่องเที่ยวและกิจ MICE

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • BDMS* (เป้าพื้นฐาน 31 บาท) แนวรับ 26.25 บาท / แนวต้าน 27.5 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 26 บาท)
  • OTO (เป้าพื้นฐาน 16.2 บาท) แนวรับ 17.6 บาท / แนวต้าน 18.2-18.5 บาท (Trailing stop 17.0 บาท)
  • ILM (เป้า SAA Consensus 21.45 บาท) แนวรับ 16.5 บาท / แนวต้าน 17.4-18.2 บาท (Trailing stop stop 14.0 บาท)
  • PTG* (เป้าพื้นฐาน 17.8 บาท) แนวรับ 14.2 บาท / แนวต้าน 14.5-14.8 บาท (Trailing 16.3 บาท)
  • IP (เป้า Consensus 24.9 บาท) แนวรับ 17.6 บาท / แนวต้าน 18.4-19.0 บาท (Stop loss – 17.4 บาท)
  • SNNP (เป้า Consensus 19.85 บาท) แนวรับ 15.1 บาท / แนวต้าน 15.8-16.5 บาท (Stop loss 14.9 บาท)
  • NEX (เป้า Consensus 22.8 บาท) แนวรับ 16.1 บาท / แนวต้าน 16.6-17.0 บาท (Stop loss 15.8 บาท)
  • COM7* (เป้าพื้นฐาน 52 บาท) แนวรับ 30 บาท / แนวต้าน 31.5-32.5 บาท (Stop loss 28.75 บาท)
  • BGRIM* (เป้าพื้นฐาน 41 บาท) แนวรับ 37.5 บาท / แนวต้าน 38.5-40 บาท (Stop loss 36.75 บาท)
  • HMPRO* (เป้าพื้นฐาน 17.5 บาท) แนวรับ 13.1 บาท / แนวต้าน 13.7-14.0 บาท (Stop loss 13.0 บาท)
  • BCH* (เป้าพื้นฐาน 28 บาท) แนวรับ 20.0 บาท / แนวต้าน 20.6-21.0 บาท (Stop loss 19.8 บาท)
  • MAKRO (เป้าพื้นฐาน 44 บาท) แนวรับ 34 บาท / แนวต้าน 36-37 บาท (Stop loss 34 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • BANPU แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 17 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 2Q65 = 1.09 หมื่นล้านบาท (+ 720 YoY, +6% QoQ) โดยกำไรที่คาดจะโตเด่นเป็นผลจากราคาถ่านหินที่ปรับขึ้นมามาก ฝ่ายวิจัยฯ ปรับประมาณการกำไรขึ้นสะท้อนสมมติฐานราคาถ่านหินใหม่ และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 17 บาท (เติม 15.5 บาท)
  • DELTA แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 480 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ ฝ่ายวิจัยฯ ยังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานใน 1-2 ปีนี้ และปรับประมาณการฯขึ้น แม้ผู้บริหารจะยังคงเป้าหมายการเติบโตของยอดขายปีนี้แบบอนุรักษ์นิยมเพียง 10-15% YoY (ฝ่ายวิจัยฯคาด +30% YoY) แต่ปรับคำแนะนำลงเป็นเพียง “ถือ” เพราะ Upside จำกัดแล้ว
  • IIG แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 45 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 2Q65 = 28 ล้านบาท (+33% YoY, +2%QoQ) ทำจุดสูงสุดใหม่รายไตรมาส ทั้งจากธุรกิจ CRM และ ERP
  • SICT แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 8.6 บาท ฝ่ายวิจัยฯ ออกบทวิเคราะห์ Initiate coverage ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” โดยหุ้น SICT เป็นบริษัท Fabless (เชี่ยวชาญในการออกแบบพัฒนาและจำหน่ายชิปเซมิคอนดักเตอร์ แต่ไม่ได้ผลิต) และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงราว 445.9% คาดกำไรเติบโตเด่นใน 3 ปีข้างหน้า +31% CAGR
- Advertisement -