บล.บัวหลวง:
Thai Market Strategy – การขึ้นค่าไฟครั้งใหญ่กำลังจะมาถึง..ใครคือผู้ชนะและผู้แพ้?
กกพ.มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นค่าไฟในช่วงเดือน ก.ย. – ธ.ค. ไปทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 0.6866 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งบ่งบอกเป็นนัยถึงค่าไฟที่จะสูงมากในช่วงเวลาดังกล่าว กำลังการผลิตส่วนใหญ่ของประเทศไทยมาจากไฟฟ้าพลังงานก๊าซ ซึ่งผลผลิตก๊าซที่น้อยอย่างต่อเนื่องของโครงการเอราวัณ และจํานวนผลผลิตที่น้อยจากโครงการในประเทศเมียนม่าบ่งบอกถึงการนำเข้า LNP ในราคาสูงที่มากขึ้น
ราคาพลังงานที่สูงจะกดดันกําไรของบางบริษัท โดยกลุ่ม ICT กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการค้าปลีก กลุ่มขนส่ง และกลุ่มอาหารมีแนวโน้มที่จะถูกกดดัน ขณะที่กลุ่มโรงไฟฟ้า SPP จะได้รับผลประโยชน์ต่อกําไรสุทธิอย่างมาก โดยเราได้สรุปรายชื่อบริษัทที่มีแนวโน้มจะเป็นผู้ชนะและผู้แพ้จากค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น
เราคงประมาณการณ์กําไรสุทธิต่อหุ้นของ SET ที่ 98 สําหรับปี 2565 และ 108 สําหรับปี 2566 (ตลาดคาดที่ 98.1 และ 107.3 ตามลำดับ) เนื่องจากเราเชื่อว่าอัพไซด์จากการฟื้นตัวของธุรกิจและการท่องเที่ยวจะกลบผลกระทบจากราคาค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น
การนําเข้า LNG ที่เยอะจะหนุนให้อัตราค่าไฟปรับตัวขึ้นไปทำสถิติสูงสุดในช่วงเดือน ก.ย. – ธ.ค.
ต้นทุนก๊าซที่สูงมีแนวโน้มส่งผลให้ กกพ.ปรับขึ้นอัตราค่าไฟไปเป็น 0.6866 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมง สำหรับช่วงเดือน ก.ย. – ธ.ค. ส่งผลให้ราคาขายไฟเฉลี่ยอยุ่ที่ 4.69 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมง ปรับตัวขึ้น 17% (จาก 0.2477 บาท/ กิโลวัตต์ชั่วโมง และอัตราค่าไฟรวมที่ 4 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมง) ราคาก๊าซปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563 แม้ผลผลิตจากประเทศไทย เมียนม่า จะสูงขึ้น แต่ยังคงถูกกดดันจากผลผลิตที่น้อยอย่างต่อเนื่องของโครงการเอราวัณ (แหล่งก๊าซที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย) และจํานวนผลผลิตที่น้อยจากโครงการในประเทศเมียนม่าที่ลดลงบ่งบอกถึงการนําเข้า LNP ที่มากขึ้น ซึ่งแพงกว่ามาก (และสูงอย่างมีนัยในช่วงเดือน ม.ค. – เม.ย. 2565) ราคาก๊าซอัพเดทรายเดือนอยู่ที่ 369.66 บาท/ล้าน btu ในเดือน มิ.ย. ปรับตัวขึ้น 17% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน และ 75% YoY (แม้ลดลงอย่างมีนัยจากจุดพีคที่ 449.51 บาทในเดือน เม.ย.)
ราคาพลังงานที่สูงจะกดดันอัตรากำไรของบางบริษัท…
ราคาขายไฟเฉลี่ยที่ปรับตัวขึ้น 17% มาอยู่ที่ 4.69 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่เดือน ก.ย. (บนสมมุติฐานที่ทรงตัวในระดับสูงไปจนปี 2566) จะเป็นความเสี่ยงต่อประมาณการกำไรของ SET ปี 2566 ของเราที่ราว 0.6% อ้างอิงจากข้อมูลที่เราได้รับจากนักวิเคราะห์ของเรา กลุ่มที่มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบจากราคาค่าไฟที่สูง ได้แก่ กลุ่ม ICT (ความเสี่ยง 2.5% ต่อประมาณการกำไรสุทธิของเราปี 2566) กลุ่มที่เกี่ยวกับค้าปลีก (2.3%) กลุ่ม อิเล็กทรอนิกส์ (2.1%) กลุ่มขนส่ง (1.8%) และกลุ่มอาหาร (1.8%)
…แต่จะหนุนภาพกำไรของหุ้นโรงไฟฟ้า SPP อย่างมาก
ความสามารถในการทํากำไรของโรงไฟฟ้าปรับตัวลงเนื่อง จากต้นทุนก๊าซที่สูงขึ้นเร็วกว่าราคาขายไฟของโรงไฟฟ้า SPP (โรงไฟฟ้า IPP ไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากสามารถผลักภาระต้นทุนได้) การปรับขึ้นอัตราค่าไฟจะเป็นจุดเปลี่ยนสําหรับบริษัทเหล่านี้ บนสมมุติฐานที่อัตราค่าไฟอยู่ที่ 0.6866 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมง จะเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรปี 2566 กลุ่มโรงไฟฟ้าที่เราให้คําแนะนําถึง 4.2%