บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Maintain)
TP upside (downside) +20.1%
Close Jul 27, 2022 Price (THB) 13.40
12M Target (THB) 16.10
Previous Target (THB) 16.10
What’s new?
- คาดกำไรสุทธิ 2Q65 ที่ 7.7 พันล้านบาท -25% QoQ เพราะ 1Q65 มีกำไรขายหุ้น Sunseap อย่างไรก็ตาม ประมาณการเรายังไม่รวมโอกาสบันทึกกำไรจากการต่อรองซื้อ XTO Energy เมื่อเทียบกับ 2Q64 กำไรจะเติบโตสูง +482% YoY
- กำไรปกติขยายตัวเด่น +61% QoQ และ +493% YoY ตามการพุ่งขึ้นของราคาถ่านหิน – ก๊าซธรรมชาติ และปริมาณขายของ CEY
- กำไร 1H65 จะคิดเป็น 58% ของทั้งปีที่ 3.1 หมื่น ล้านบาท +217% YoY ทำระดับสูงสุดใหม่
Our view
- แนวโน้ม 2H65 ยังแข็งแกร่ง โดย 1) ราคาถ่านหิน – ก๊าซจะได้ประโยชน์จากความขัดแย้งของชาติตะวันตก และการปรับสัญญาราคาของ CEY 2) ปริมาณขายถ่านหินสูงขึ้นตามฤดูกาล และการผลิตราบรื่นขึ้น 3) ปริมาณขายก๊าซจะสูงขึ้นจากการควบรวม XTO Energy
- การลดอัตราส่งก๊าซของ Nord Stream 1 จะทำให้ถ่านหิน – US LNG มีความต้องการจากยุโรปสูงขึ้น
- แนะนำ “ซื้อ” เป็นหุ้นเด่นช่วง 3 เดือนข้างหน้า และมีปัจจัยบวกในอนาคตจากการ Spin-off ธุรกิจก๊าซ และ ความสำเร็จธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน เช่น แบตเตอรี่
BANPU ได้ประโยชน์จากความขัดแย้งของชาติตะวันตก
คาด 2Q65 แข็งแกร่งตามทิศทางราคาพลังงาน
สำหรับ 2Q65 คาดกำไรสุทธิจะทำได้ 7.7 พันล้านบาท ลดลง -25% QoQ เนื่องจากขาดทุนป้องกันความเสี่ยงสูงขึ้นตามการพุ่งขึ้นของราคาถ่านหิน – ก๊าซธรรมชาติ และมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับดีล XTO Energy ราว 20 ล้านเหรียญฯ เทียบกับ 1Q65 ที่มีกำไรจากการจำหน่ายหุ้น Sunseap 5.9 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม ประมาณการของเรายังไม่รวมโอกาสการบันทึกกำไรจากการต่อรองซื้อ XTO Energy (ขึ้นอยู่กับการประเมินส่วนต่างระหว่างราคาซื้อ และมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์สุทธิโดย Auditor) ขณะที่เทียบกับ 2Q64 กำไรสุทธิจะขยายตัว +482% YoY หากนับเฉพาะกำไรปกติ คาดเติบโตโดดเด่นเป็น 1.4 หมื่นล้านบาท (+61% QoQ, +493% YoY) โดย 1) อัตรากำไรธุรกิจถ่านหินจะดีขึ้นมากสอดคล้องการพุ่งขึ้นของราคาถ่านหินนิวคาสเซิลเป็น US$358/ตัน (+38% QoQ, +235% YoY) ประเมินราคาขายเฉลี่ยของ ITMG และ CEY จะทำได้ US$195/ตัน (+29% QoQ, +140% YoY) และ A$158/ตัน (+16% QoQ, +76% YoY) ตามลำดับ 2) ปริมาณขายของ CEY เพิ่มเป็น 2.7 ล้านตัน (+81% QoQ, +8% YoY) จากกิจกรรมย้ายหน้างานลดลง 3) อัตรากำไรธุรกิจก๊าซสูงขึ้น ประเมินราคาขายเฉลี่ยที่ US$6.4/mmbtu (+39% QoQ, +149% YoY) 4) ไม่มีการซ่อมบำรุงของโรงไฟฟ้าหงสา และ BLCP
2H65 รับรู้ XTO Energy และการปรับสัญญาราคาถ่านหินของ CEY
หากเป็นไปตามคาด กำไรสุทธิ 1H65 จะคิดเป็น 58% ของคาดการณ์ทั้งปีที่ 3.1 หมื่นล้านบาท (+217% YoY) ระดับสูงสุดใหม่ ขณะที่แนวโน้ม 2H65 คาดผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง หนุนด้วย
1) ราคาพลังงานที่อยู่ระดับสูง โดยเฉพาะถ่านหินและก๊าซธรรมชาติที่จะมีความต้องการใช้จากยุโรปเพื่อทดแทนภาวะขาดแคลนก๊าซจากความขัดแย้งกับรัสเซีย และจะมีความต้องการจากจีนเพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุม
2) ปริมาณผลิตถ่านหินสูงขึ้น HoH ตามปัจจัยฤดูกาล และการผลิตที่ราบรื่น (1H65 กระทบจากน้ำท่วม, ฝนตกหนัก และมาตรการห้ามส่งออก)
3) สัญญาราคาขายถ่านหิน CEY ใหม่ช่วง 2H65 (ระยะเวลา 1-2 ปี ซึ่งเดิมราคาต่ำเพียงราว A$80/ตัน)
4) การควบรวม XTO Energy ตั้งแต่ 1 ก.ค. เพิ่มกำลังผลิตก๊าซธรรมชาติจาก 700 mmcfed เป็น 900 mmcfed คาดมี EBITDA ส่วนเพิ่ม 50 ล้านเหรียญฯ ต่อไตรมาส
เกิดอุปสงค์ทดแทนการส่งก๊าซที่ลดลงของ Nord Stream 1
สัปดาห์ที่ผ่านมา Gazprom Turbine บริษัทพลังงานขนาดใหญ่ของรัสเซียประกาศว่าจะทำการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ของท่อส่งก๊าซ Nord Stream 1 (ความสามารถส่งก๊าซราว 167 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน) ส่งผลให้ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค. ปริมาณส่งก๊าซจะเหลือเพียง 33 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน หรือมี Utilization rate 20% เทียบกับช่วงก่อนที่มีอัตราส่งก๊าซที่ 67 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน (Utilization rate 40%) ปัจจัยดังกล่าวจะเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับปัญหาขาดแคลนก๊าซในยุโรป โดยเฉพาะฤดูหนาวช่วงปลายปีที่มีความต้องการใช้สูง ทำให้คาดว่ายุโรปจะเร่งหาแหล่งพลังงานอื่นเพื่อทดแทน Shortfall ที่เกิดขึ้น เรามองประเด็นดังกล่าวจะเป็นบวกต่อ BANPU เนื่องจากหลายประเทศในยุโรปจะหันมาใช้ถ่านหิน และนำเข้า LNG จากสหรัฐฯ มากขึ้น ทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ที่ BKV ผลิตอยู่เพิ่มขึ้น
หุ้นเด่นในกลุ่มพลังงานช่วง 3Q65
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 16.10 บาท เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มฯ ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ด้วยความน่าสนใจ จาก
1) กำไรช่วงที่เหลือของปีแข็งแกร่ง สอดคล้องราคาพลังงาน, การ M&A, บาทอ่อนค่า ทำให้กำไรปีนี้จะทำ ระดับสูงสุดใหม่
2) ราคาถ่านหิน – ก๊าซธรรมชาติมีทิศทางแข็งแกร่งกว่าน้ำมันดิบ เพราะโอกาสแทรกแซงจากมาตรการต่างๆ น้อยกว่า และได้ประโยชน์จากความขัดแย้งของชาติตะวันตก
3) มีประเด็นบวกเพิ่มเติมจากโอกาสการ Spin-off บริษัทลูก BKV และความสำเร็จในธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน (Banpu Next) เช่น การจัดตั้งโรงงานแบตเตอรี่ในประเทศระหว่าง Banpu Next (30%) Durapower (30%) เชิดชัยมอเตอร์ (40%) เฟสแรก 200 MWh (ปี 2566) และ Scale-up เป็น 1 GWh (ปี 2569)
4) เงินปันผลระดับสูง 6-7% ต่อปี