บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action BUY

TP upside (downside) +41.7%

Close Jul 27, 2022 Price (THB) 9.95

12M Target (THB) 14.10

Previous Target (THB) 14.10

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 2Q65 ที่ 487 ลบ. (+10.4% QoQ, -19.9% YoY) แต่จะได้แรงหนุนจากการจัดตั้งบริษัท JV และกำไรพิเศษจากการปรับมูลค่าสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 423 ลบ. ซึ่งจะเป็นผลให้คาดการณ์กำไรสุทธิอยู่ที่ 910 ลบ. สูงที่สุดใน รอบ 14 ไตรมาส
  • คาด Presale 2Q65 ที่ 9.6 พันลบ. (+18% QoQ, +19% YoY) สูงสุดในรอบ 11 ไตรมาส
  • แนวโน้มผลประกอบการ 2H65 ยังแข็งแกร่งหนุน จากโครงการ JV ที่จะแล้วเสร็จจำนวน 4 โครงการรวมมูลค่ากว่า 1.1 หมื่นลบ.

Our view

  • เรามีมุมมองเป็นบวกต่อยอด Presale ในช่วง 2Q65 ที่สะท้อนการฟื้นตัวของอุปสงค์โครงการแนวสูง และแนวโน้มผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีที่คาดโตเด่นทั้ง QoQ และ YoY ในช่วง 3Q-4Q65
  • Upside risk สำคัญที่ยังไม่รวมในประมาณการ คือ การเข้าลงทุนในหลายธุรกิจใหม่ รวมถึงแผนการ Spin-off บริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 14.10 บาท/หุ้น พร้อมคาดเงินปันผลงวด 1H65 ที่ 0.15 บาท เทียบเท่า Dividend Yield ที่ 1.5%

ORIGIN PROPERTY คาดกำไร 2Q65 สูงสุดในรอบ 14 ไตรมาส

คาดกำไรสุทธิได้แรงหนุนจากหลายปัจจัย…. โตเด่นทั้ง QoQ และ YoY สูงสุดในรอบ 14 ไตรมาส

เราคาดกำไรปกติ 2Q65 ที่ 487 ลบ. (+10.4% QoQ, -19.9% YoY) เติบโตขึ้น QoQ จาก (1) รายได้ยอด โอนกรรมสิทธิโครงการแนวราบของ BRI ที่คาดทำจุดสูงสุดใหม่รายไตรมาสที่ 1.5 พันลบ. (+21.8% QoQ, +67.1% YoY) จากอัตราดูดซับอุปทานที่ทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องจากช่วง 1Q65 ประกอบกับการเปิดตัว โครงการขนาดใหญ่ คือ Britania Amata Phanthong (2.0 พันลบ) คาดมียูนิตบางส่วนที่พร้อมรับรู้เป็นรายได้ภายในไตรมาส (2) ยอดโอนกรรมสิทธิ์โครงการแนวสูงเสร็จใหม่ คือ The Origin Onnut มูลค่า 700 ลบ. ณ สิ้น 1Q65 มียอดขายแล้ว 90% และ (3) การเริ่มโอนโครงการ JV แนวสูงขนาดใหญ่คือ Park Origin Thonglor (มูลค่า 1.2 หมื่นลบ.) ที่เลื่อนมาจากช่วง 1Q65 คาดยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ 1.5 พันลบ. เป็นผลให้คาดการณ์ส่วนแบ่งกำไรร่วมค้าจะพลิกกลับมาเป็นกำไรที่ 110 ลบ. จากขาดทุนต่อต่อกัน 3 ไตรมาสก่อนหน้า

กำไรปกติที่คาดลดลง YoY เป็นผลมาจากอัตรากำไรขั้นต้นคาดที่ 39.0% (ลดลง 151 bps QoQ และ 101 bps YoY) ลดลงตามสัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์แนวราบที่เพิ่มมากขึ้นเป็น 50:50 จาก 40:60 ในช่วง 1Q65 รวมถึงอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/Sales ที่มีแนวโน้มทรงตัวจาก 1Q65 ที่ระดับ 18.9% (+305 bps YoY) จากการเปิดตัวโครงการใหม่ที่หนาแน่น อย่างไรก็ตาม เราคาดบริษัทจะมีการบันทึกกำไรพิเศษจาก 2 ส่วนหลักคือ (1) กำไรจากการจัดตั้งบริษัท JV กับพันธมิตร (Share Premium) รวม 5 โครงการ (แบ่งเป็นโครงการสูง 2 โครงการ, แนวราบ 1 โครงการ และนิคมอุตสาหกรรมผ่าน Alpha Industrial Solution 2 โครงการ) และ (2) การปรับมูลค่าสินทรัพย์ของธุรกิจโรงแรมในเครือ Ibis ที่มีการซื้อขายจาก ERW ในช่วงต้น 1Q65 โดยสรุปเราคาด 2 ธุรกรรมข้างต้นจะช่วยหนุนกำไร 2Q65 ให้กับ ORI ทั้งสิ้น 423 ลบ. คิดรวมเป็นกำไรสุทธิที่ 910 ลบ. เติบโตเด่น 23.4% QoQ และ 6.9% YoY และเป็นจุดสูงสุดในรอบ 14 ไตรมาสนับตั้งแต่ช่วง 4Q61

Presale 2Q65 ดูดี … แนวโน้มผลประกอบการ 2H65 ดูแกร่ง…

เราคาดบริษัทจะรายงานยอด Presale ใน 2Q65 ที่ 9.6 พันลบ. (+18.1% QoQ, +18.8% YoY) สูงที่สุดใน รอบ 11 ไตรมาส หลักๆ เป็นผลมาจากการฟื้นตัวยอดขายโครงการแนวสูงคาดที่ 7.0 พันลบ. (+21.7% QoQ, +16.4% YoY) ทำจุดสูงสุดนับตั้งแต่ 3Q62 แม้บริษัทมียอดการเปิดตัวโครงการแนวสูงใหม่เพียง 4.6 พันลบ. ใน 2Q65 สะท้อนการฟื้นตัวของอุปสงค์สินค้าแนวสูงหลังสถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลาย สำหรับแนวโน้มผลประกอบการ 2H65 เราคาดเติบโตเป็นขั้นบันไดทั้ง QoQ และ YoY ในช่วง 3Q65 และจะเป็นจุดสูงสุดของปีใน 4Q65 จากการโอน Backlog โครงการ JV ขนาดใหญ่ เช่น Park Origin Thonglor ต่อเนื่องจาก 2Q65 รวมถึงโครงการที่จะแล้วเสร็จใน 4Q65 อีกจำนวน 4 โครงการรวมมูลค่า 1.1 หมื่นลบ. โดยมี Highlight คือ Park Origin Chula-Samyan (4.6 พันลบ.) และ Park Origin Ratchathewi (3.0 พัน ลบ.) ณ สิ้น 1Q65 มียอดขายแล้ว 98% และ 95% ตามลำดับ

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 14.10 บาท/หุ้น… ยังคงให้เป็น Top Pick ของกลุ่ม

เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565/66 ที่ 4.2 พันลบ. และ 4.4 พันลบ. ตามลำดับ ซึ่งหากกำไร 2Q65 ใกล้เคียงกับที่เราคาดจะคิดเป็น 39.3% เมื่อเทียบกับประมาณการกำไรทั้งปี 2565 อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มการเติบโตของผลประกอบการช่วง 2H65 ที่ได้รับแรงหนุนจาก Backlog JV รอโอนเป็นจำนวนมาก เราคาด Downside risk ต่อประมาณการจึงอยู่ในระดับต่ำ

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 14.10 บาท/หุ้น (อิง PER2565 ที่ 9.7% เทียบเท่า +2.0 SD จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของบริษัท) และยังคงให้เป็น “Top pick” ของกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ราคาปิดวานนี้เทียบเท่า PER2565/66 ที่เพียง 6.8x และ 6.6% ตามลำดับ ใกล้เคียงกับอุตสาหกรรมและค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของบริษัท อย่างไรก็ดี เรามองว่า ORI ควรที่จะซื้อ-ขาย บน PER ที่เป็น Premium กว่ากลุ่มจากการเข้าลงทุนในหลายธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง (ซึ่งเรายังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ) ขณะที่แผนการ Spin-off บริษัทลูกต่างๆ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะเป็นการปลดล็อก Asset Value ที่แท้จริงของแต่ละหน่วยธุรกิจ ซึ่งจะสะท้อนกลับเข้ามาสู่ Valuation ของบริษัทในอนาคต นอกจากนี้ ORI ยังมีปัจจัยบวกที่จะช่วยจำกัด, Downside risk ในระยะสั้น คือ คาดการณ์เงินปันผลงวด 1H65 ที่ 0.15 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ที่ 1.5%

- Advertisement -