บล.เอเซีย พลัส:

ธุรกิจยังพื้นตัวช้า….แนะนำ SWITCH

คาดกำไรสุทธิงวด 2Q65 เท่ากับ 21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% qoq (แต่ลดลง 44% yoy) เนื่องจากแนวโน้มยอดขายที่ฟื้นตัวจากช่วง High season ของบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม ส่วนแนวโน้ม Gross margin เริ่มฟื้นตัวจากการทยอยปรับราคาขายขึ้น สะท้อนราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2565 และผลบวกจากการประหยัดต่อขนาด

คงประมาณการ คาดกำไรสุทธิปี 2565 จะลดลง 22% yoy มาอยู่ที่ 87 ล้านบาท จากแนวโน้ม Gross margin ที่ลดลงมาเหลือ 24.8% จาก 28.4% ในปีก่อน ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าแนวโน้มยอดขายที่จะเพิ่มขึ้น 14% yoy ทั้งนี้ คาดกำไรงวด 3Q65 จะฟื้นตัว qoq (แต่ลดลง yoy) จากคำสั่งซื้อบรรจุภัณฑ์ฟิล์มหดรัดรูปจะทยอยฟื้นตัวตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และคาดว่า Gross margin ทรงตัวจากการปรับกลยุทธ์รับมือกับราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น  แต่ยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงจากราคาต้นทุนวัตถุดิบยังอยู่ในระดับสูง และความกังวลเงินเฟ้อที่อาจทำให้เกิดการชะลอคำสั่งซื้อของลูกค้ากำหนด FV ปี 2565 ที่ 5.10 บาท ยังคงคำแนะนำ Switch

แนวโน้มกำไรปกติ 2Q65 ฟื้นตัว 24%QoQ แต่ลดลง 44%YOY

คาดการณ์กำไรสุทธิงวด 2Q65 เท่ากับ 21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.9% qoq (แต่ลดลง 44.4% yoy) ขณะที่คาดกำไรปกติงวด 2Q65 ที่ 21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.8% qoq (แต่ลดลง 36.9% yoy) จาก

1) แนวโน้มยอดขายที่ฟื้นตัว 9.5% qoq (แต่ลดลง 0.3% yoy) มาที่ 219 ล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วง High season ของบรรจุภัณฑ์ ประเภทเครื่องดื่มในฤดูร้อน (สัดส่วน 59% ของรายได้รวม)

2) แนวโน้ม Gross margin งวด 2Q65 ที่ 25.4% เพิ่มขึ้นจาก 23.3% ในงวด 1Q65 จากการทยอยปรับราคาขายขึ้นบ้าง และการประหยัดต่อขนาด แม้ว่ายังมีปัญหาราคาวัตถุดิบฟิล์มทั้ง PET และ PVC ที่สูงต่อเนื่อง (อย่างไรก็ตาม คาด gross margin งวด 2Q65 ปรับลดลงจาก 30.7% ในงวด 2Q64 ผลกระทบจากแนวโน้มราคาวัตถุดิบฟิล์มที่ปรับสูงขึ้น)

ขณะที่แนวโน้มสัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ sales งวด 2Q65 จะทรงตัวใกล้เคียงงวดก่อนที่ 13.0%

โดยรวมแล้วแนวโน้มกำไรสุทธิงวด 1H65 เท่ากับ 37 ล้านบาท ลดลงถึง 43.0% yoy คิดเป็น 43% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ ขณะที่แนวโน้มกำไรปกติงวด 1H65 เท่ากับ 36 ล้านบาท ลดลงถึง 36.4% yoy คิดเป็น 41% ของประมาณการกำไรปกติปี 2565 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้

ทิศทางกำไรปี 2565 ยังถูกกดันจากราคาวัตถุดิบสูงขึ้น

คงประมาณการ คาดกำไรสุทธิปี 2565 จะลดลง 22.3% yoy มาอยู่ที่ 87 ล้านบาท ในขณะที่คาดกำไรปกติปี 2565 จะลดลง 10.5% yoy จากแนวโน้ม Gross margin ปรับลดลงมาที่ 24.8% จาก 28.4% ในปี 2564 กดดันจากราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง หักล้างแนวโน้มรายได้รวมปี 2565 เติบโต 13.7% yoy มาที่ 902 ล้านบาท ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไปได้ทั้งหมด

เบื้องต้น คาดกำไรปกติงวด 3Q65 จะฟื้นตัว qoq (แต่ลดลง yoy จากฐานที่สูง) โดยคาดว่าคำสั่งซื้อบรรจุภัณฑ์ฟิล์มหดรัดรูป (Shrink film) จะทยอยฟื้นตัวตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นหลังการเปิดประเทศ อีกทั้ง SFT เริ่มขยายธุรกิจไปยังบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนมากขึ้น (Flexible packaging) นอกจากนี้ยังคาดว่า Gross margin ทรงตัวจากการปรับกลยุทธ์รับมือกับราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยง ทั้งราคา ต้นทุนวัตถุดิบยังทรงสูง ซึ่งอาจกดดันมาร์จิ้นฟื้นตัวล่าช้ากว่าคาด และความกังวลเงินเฟ้อที่อาจทำให้เกิดการชะลอคำสั่งซื้อของลูกค้า

เผชิญปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน…แนะนํา SWITCH

กําหนด FV ปี 2565 ที่ 5.10 บาท อิง PER เฉลี่ยของกลุ่ม Packaging และกลุ่มอาหาร เครื่องดื่มที่ 26 เท่า แม้แนวโน้มผลประกอบการจะทยอยฟื้นตัวรายไตรมาส แต่ยังเผชิญความเสี่ยงหลายด้าน จึงยังคงแนะนํา Switch

ประเด็นความเสี่ยง

1) ความผันผวนราคาวัตถุดิบตั้งต้นหลักอย่าง “ฟิล์ม” ซึ่งขึ้นลงผันผวนตามน้ำมันดิบ, LLDPE, Caprolactam โดยหากต้นทุนฟิล์มสูงขึ้นจะกดดันประสิทธิภาพการทำกำไรของ SFT

2) ความผันผวนของค่าเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ หากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง จะกดดันแนวโน้มกำไรสุทธิของ SFT

SFT แนะนํา SWITCH

ราคาปัจจุบัน (บาท) 4.90

ราคาเป้าหมาย (บาท) 5.10

Upside (%) 4.1

Dividend yield (%) 1.7

- Advertisement -