บล.เอเซีย พลัส:

ความเสี่ยงรอคอยอยู่ข้างหน้า

คาดกำไรสุทธิ 2Q65 อยู่ที่ 160 ล้านบาท (-8%QoQ, -13%YoY) รายได้โฆษณาทรงตัว QoQ โดยอัตราค่าโฆษณา/นาที คาดที่ 77,500 บาท/นาที (-3%QoQ) ขณะที่ Utilization Rate อยู่ที่ 70% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 64% ในส่วนรายได้ธุรกิจ Digital&GCL เติบโต 16%QoQ ส่งผลให้รายได้รวมคาดเติบโต 8%QoQ ขณะที่ Gross Margin ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 32% แต่ถูกกดดันจากค่าใช้จ่าย SG&A และดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้น

กำไร 1H65 คิดเป็นเพียง 33% ของประมาณการ ขณะที่ 3Q65 ยังมีความเสี่ยงที่ต้องเผชิญอยู่ ปรับประมาณการกำไรปี 2565-66 ลง 20% และ 7% ตามลำดับ สะท้อนแนวโน้มเม็ดเงินโฆษณา 3Q65 ชะลอตัวจากผลกระทบของเงินเฟ้อที่เริ่มเห็นในเดือน มิ.ย. 65 และรายได้ธุรกิจ Digital&GCL ที่ออกมาต่ำกว่าคาด กำหนด Fair Value ใหม่ อิงวิธี DCF อยู่ที่ 15.00 บาท ราคาหุ้นปรับฐานลงมามากน่าจะสะท้อนข่าวร้ายกำไร 2Q65 ที่จะออกน่าผิดหวังไปมากแล้ว คงคำแนะนำซื้อ

ความเสี่ยงรอคอยอยู่ข้างหน้า

คาดกำไรสุทธิ 2Q65 อยู่ที่ 160 ล้านบาท (-8%QoQ, -13%YoY) รายได้โฆษณาเติบโต 8%QoQ ตามแนวโน้มของเม็ดเงินสื่อโฆษณาทีวีที่เพิ่มขึ้น 10%QoQ หลังผ่านพ้นช่วง Low Season ใน 1Q65 โดยคาดอัตราโฆษณา/นาที คาดที่ 77,500 บาท/นาที (1Q65 อยู่ที่ 79,900 บาท/นาที) ขณะที่ Utlization Rate คาดที่ 70% (1Q65 อยู่ที่ 64%) แม้อัตราค่าโฆษณา/นาที จะลดลง แต่ชดเชยด้วยการรักษาระดับ Utilization Rate ให้อยู่ในระดับสูง หลังแผนการขยายเวลาโฆษณา/นาที ของรายการข่าวทำได้ค่อนข้างดี ขณะที่รายได้ธุรกิจเสริม Digital & Global Content Licensing (GCL) คาดปรับเพิ่มขึ้น 160 จากกระแสเรื่องคุณหมีปาฏิหารย์ที่ยังพอประคองตัวอยู่ได้ ส่งผลให้รายได้รวมคาดเติบโต 8%QoQ

Gross Margin คาดอยู่ที่ 32% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 30% แม้ Production Cost สูงขึ้นตามละครใหม่ที่ออกฉาย แต่ถูกชดเชยด้วยอัตราการใช้สื่อที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยฯ ปัจจัยกดดันหลักในไตรมาสนี้เป็นส่วนของค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นโดย SG&A ปรับเพิ่มขึ้นราว 17%QoQ จากค่าใช้จ่ายด้านพนักงานที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับแนวโน้มดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น ส่งผลให้หุ้นกู้ที่ถูก Roll Over มามูลค่า 2.0 พันล้านบาท มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ส่งผลต่อเนื่องให้ต้นทุนทางการเงินปรับเพิ่มขึ้น

สัญญาณลบพบเจอในเดือน มิ.ย. 65

แนวโน้มผลประกอบการตั้งแต่ 3Q65 อาจมีความเสี่ยงรออยู่ จากเม็ดเงินโฆษณาทีวีเดือน มิ.ย. 65 ปรับตัวลดลง 8%MoM สะท้อนปัญหาเงินเฟ้อที่เริ่มเห็นผลกระทบในปลาย 2Q65 และอาจส่งผลต่อเนื่องไปจนถึงช่วงปลาย 3Q65 ทำให้ทั้งอัตราค่าโฆษณา/นาที และ Utilization Rate ของ BEC อาจไม่เติบโตไว้เท่ากับที่คาด ประกอบกับรายได้ธุรกิจ Digital&GCL ที่ใน 1H65 ที่คาดออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง แม้ในงวด 3Q65 จะมีคอนเทนต์ใหม่เรื่อง “พิศวาสฆาตเกมส์” และ “คือเธอ” ที่ Simulcast ไปยัง OTT Platform ประเทศจีน และ Netflix อย่างไรก็ตามรายได้ 1H65 ออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง และอาจไม่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดย BEC ตั้งเป้ารายได้ธุรกิจ Digital & GCL ปี 2565 ไว้ที่ 1.0 พันล้านบาท ขณะที่ 1H65 คาดทำรายได้เพียง 300 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพียง 30% ของเป้าหมายทั้ง ปีของ BEC

ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 65-66 ลง

กำไร 1H65 คิดเป็น 33% ของประมาณการกำไรปี 2565 ฝ่ายวิจัยจึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 65-66 ลง 20% และ 7% จาก 1.0 พันล้านบาท และ 1.2 พันล้านบาท เหลือ 797 ล้านบาท และ 1.1 พันล้านบาท ตามลำดับ เพื่อสะท้อน

1.) รายได้ธุรกิจโฆณาที่อาจต่ำกว่าคาด จากอัตราค่าโฆษณา/นาที ที่มีแนวโน้มลดลง ขณะที่ Utilization Rate คาดทรงตัวอยู่ที่ระดับ 70% ผลกระทบจากปัญหาเงินเฟ้อที่เริ่มเห็นการลดงบโฆษณาของ Agency ในเดือน มิ.ย. 65 คาดส่งผลกระทบต่อเนื่องในเดือน ก.ค.-ก.ย. 65 ต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้น ทำให้ Agency ปรับลดงบโฆษณาเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายสูงขึ้น อัตราค่าโฆษณา/นาที ใน 1H65 เฉลี่ยอยู่ที่ 78,700 บาท/นาที ขณะที่อัตราการใช้สื่อเฉลี่ย อยู่ที่ 67% ฝ่ายวิจัยคาด 2H65 อัตราค่าโฆษณา/นาที จะสามารถกลับมาสู่ระดับ 81,300 บาท/นาที ได้ หาก BEC สามารถรักษาระดับ Utilization Rate ให้อยู่ในระดับสูงราว 70% แม้ 3Q65 ราคาขายโฆษณา/นาที อาจทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อยเพื่อรักษาระดับ Utilization Rate แต่จะกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นใน 4Q65 ทั้งราคาขายและอัตราการใช้สื่อ จากการเข้าสู่ช่วง High Season ของกลุ่มสื่อโฆษณา ส่งผลให้ฝ่ายวิจัยปรับราคาขาย โฆษณา/นาที เฉลี่ยทั้งปีลงมาอยู่ที่ 80,000 บาท/นาที โดยปรับอัตราค่าโฆษณา/นาที ปี 65 และปี 66 ลง 4% และ 2% ตามลำดับ ปรับอัตราการใช้สื่อเฉลี่ยปี 65 และ 66 ลง 2.5% และ 1% ตามลำดับ ทำให้อัตราการใช้สื่อเฉลี่ยปี 65 คาดที่ 72.0% (จากเดิม 74.5%) และปี 66 คาดที่ 74% (จากเดิม 75%)

2.) รายได้ธุรกิจ Digital & GCL ที่ฝ่ายวิจัยมองว่าอาจทำไม่ได้ถึงเป้าโดยรายได้ 1H65 คิดเป็นเพียง 30% ของเป้าหมายรายได้ของ BEC แม้ 3Q65 จะมีละครเรื่อง “พิศวาสฆาตเกมส์” และ “คือเธอ” ที่ Simulcast ไปยัง OTT Platform ในประเทศจีน และ Netflix แต่เนื่องจากรายได้ใน 1H65 ที่ออกมาต่ำกว่าคาด จึงปรับประมาณการรายได้ธุรกิจ Digital & GCL ลง 9% จาก 938 ล้านบาท เหลือ 850 ล้านบาท

ภายหลังปรับประมาณการ กำไรสุทธิปี 2565 ยังเติบโตได้เล็กน้อยราว 5%YoY จากฐานกำไรที่ค่อนข้างสูงในปี 2564 คาดผลกระทบจากเงินเฟ้อกินระยะเวลาต่อเนื่องถึง 3Q65 และจะเริ่มเบาบางลงในงวด 4Q65 ซึ่งเป็นช่วง High Season ของธุรกิจสื่อโฆษณา

คงคําแนะนําซื้อ..FAIR VALUE ใหม่ที่ 15.00 บาท

แม้ภาพผลประกอบการงวด 2Q65 อาจออกมาไม่สดใสนัก อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปรับฐานลงมากว่า 42% นับตั้งแต่ช่วงต้น 2Q65 น่าจะสะท้อนความคาดหวังต่อผลประกอบการ 2Q65 ที่จะออกมาไม่ดีไปมากแล้ว กำหนด Fair Value ใหม่อิงวิธี DCF เท่ากับ 15.00 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside 20% แนะนำซื้อ

ประเด็นความเสี่ยง

1.เงินเฟ้อที่ทรงตัวในระดับสูงและอาจกินระยะเวลานานกว่าคาด จะเป็นปัจจัยกดดันหลักให้เม็ดเงินสื่อโฆษณาปรับลดลง

2.รายได้ธุรกิจเสริม Digital & GCL กระแสตอบรับจากคอนเทนต์เรื่องใหม่ไม่เป็นไปตามคาด

BEC แนะนํา ซื้อ

ราคาปัจจุบัน (บาท) 12.50

ราคาเป้าหมาย (บาท) 15.00

Upside (%) 20.00

Dividend yield (%) 1.83

 

- Advertisement -