บล.เอเซีย พลัส:

คาดกําไรปกติ 2Q65 เติบโตดี QoQ

2Q65 คาดกำไรสุทธิ 987 ล้านบาท (+33.7% qoq) หากไม่รวมกำไรพิเศษ 320 ล้านบาท ประเมินกำไรปกติ 667 ล้านบาท (+33% qoq) จากการเริ่มส่งมอบ Park Origin ทองหล่อ ตั้งแต่ พ.ค. ทำให้คาดรับรู้ส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วม 95 ล้านบาท เทียบกับส่วนแบ่งขาดทุน 48 ล้านบาทงวดก่อน ขณะที่รายได้ดำเนินงานทรงตัว QoQ ที่ 3.33 พันล้านบาท มีแรงพยุงจากรายได้บริหารโครงการ JV เพิ่มขึ้น ส่วนยอดโอนฯ ของบริษัทเองลดลง 3% qoq จากคอนโดฯ เป็นหลัก

ทิศทางกำไร 3Q-4Q65 คาดเติบโต YoY และ QoQ ในทุกไตรมาส ขับเคลื่อนจากแผนเปิดโครงการแนวราบใหม่ 10 โครงการ และโอนฯ ต่อเนื่องของ Park Origin ทองหล่อ รวมถึงอีก 5 คอนโดฯ ใหม่ (เป็น JV 4 โครงการ) จะเข้ามาผลักดันส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมสูงมากขึ้น แนะนำซื้อ FV ที่ 13.00 บาท (อิง PER 9 เท่า) ราคาหุ้นมี PER ซื้อขาย 6.9 เท่า พร้อมคาด Div Yield เฉลี่ย 6% ต่อปี (จ่ายปีละ 2 ครั้ง)

คาดกําไรปกติ 2Q65 เพิ่มขึ้น 33% QoQ และ 1.5% YOY

งวด 2Q65 คาดกำไรสุทธิ 987 ล้านบาท (+33.7% qoq) ในส่วนนี้รวมกำไรพิเศษสุทธิ (หลังภาษี) 320 ล้านบาท ประกอบด้วยกำไรขายเงินลงทุนบริษัทย่อยให้บริษัทร่วมทุน หรือ JV ราว 240 ล้านบาท และกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมจากการซื้อโรงแรม IBIS 3 แห่ง อีก 80 ล้านบาท หากไม่รวมรายการดังกล่าว ประเมินกำไรปกติ 667 ล้านบาท เพิ่ม 33% qoq หนุนจากการเริ่มส่งมอบโครงการคอนโดฯ JV ใหม่ Park Origin ทองหล่อ มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท (มียอดจอง 72% คาดโอนฯ 13%) ทำให้สามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วม (JV) อยู่ที่ 95 ล้านบาท เทียบกับส่วนแบ่งขาดทุน 48 ล้านบาทในงวดก่อน

ขณะที่รายได้ดำเนินงานคาดใกล้เคียงงวดก่อนที่ 3.33 พันล้านบาท มีแรงพยุงจากรายได้บริหารโครงการ JV ที่เพิ่มขึ้น 41% qoq เท่ากับ 380 ล้านบาท ชดเชยกับการบันทึกรายได้ขายอสังหาฯ 2.95 พันล้านบาท ลดลง 3% qoq เนื่องจากไม่มีการส่งมอบคอนโดฯ ใหม่ของบริษัทเอง ทำให้ยอดโอนฯ คอนโดฯ ส่วนใหญ่มาจากโครงการเดิม จึงลดลง 16.8% qoq อยู่ที่ 1.47 พันล้านบาท (สัดส่วน 50%) ส่วนยอดโอนฯ แนวราบยังทำได้ดี และสร้างจุดสูงสุดใหม่รายไตรมาสที่ 1.48 พันล้านบาท (+16.7% qoq) ทั้งนี้จากสัดส่วนโอนฯ แนวราบที่สูงขึ้น และมีมาร์จิ้นน้อยกว่าคอนโดฯ คาด Gross Margin ขายฯ ลดลงจากเฉลี่ย 35.2% งวด 1Q65 มาอยู่ที่ 34.9% สำหรับ SG&A/Sales ประเมินทรงตัว 19%

หากเทียบกำไร 2Q65 กับ 2Q64 พบว่ากำไรสุทธิสูงขึ้น 16% yoy ผลจากกำไรพิเศษข้างต้น แต่หากพิจารณากำไรปกติคาดเพิ่ม 1.5% yoy ขับเคลื่อนจากส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วม 95 ล้านบาท เทียบกับกำไร 4 ล้านบาทงวดปีก่อน และ Gross Margin ขายฯ 34.9% ดีขึ้นจาก 33.8% งวดปีก่อน ซึ่งชดเชยกับยอดโอนฯ ลดลง 4.4% yoy และรายการ Minority Interest (ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย) ที่ถูกหักสูงขึ้นเป็น 108 ล้านบาท (เทียบกับ 57 ล้านบาทงวดปีก่อน) หลังนำบริษัทย่อย BRI เข้าตลาดฯ ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ทำให้ ORI ลดสัดส่วนถือหุ้นจาก 100% อยู่ที่ 70%

กําไร 3Q-4065 จะเติบโตทั้ง YOY และ QoQ

ตามแผนเปิดโครงการใหม่เชิงรุกใน 2H65 โดยเฉพาะโครงการแนวราบ 10 โครงการใหม่ มูลค่า 1.09 หมื่นล้านบาท จะเข้ามาผลักดันต่อยอดโอนฯ แนวราบสูงต่อเนื่องรายไตรมาส ขณะที่การส่งมอบต่อเนื่องคอนโดฯ ใหม่อย่าง Park Origin ที่มี Backlog อีกราว 7 พันล้านบาท รวมถึงยังมีอีก 5 คอนโดฯ ใหม่ รวมมูลค่า 1.15 หมื่นล้านบาท (ยอดจอง 85%) เป็นโครงการ JV รวม 4 โครงการ มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท (Park Origin ราชเทวี, จุฬา-สามย่าน , Hampton ศรีราชา และ The Origin ลาดพร้าว-บางกะปิ) ที่มีกำหนดสร้างเสร็จและรับรู้รายได้ 2H65 (งวด 3Q65 – 2 โครงการ และ 3 โครงการใน 4Q65) ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมเพิ่มมากขึ้น และขับเคลื่อนให้กำไรปกติงวด 3Q-4Q65 เติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ ในทุกไตรมาส

แนะนําซื้อ…. FV 13.00 บาท

จากแนวโน้ม 2H65 จะดีกว่า 1H65 ในทุกองค์ประกอบ ทั้งการเปิดโครงการใหม่ที่จะหนุนต่อยอด Presale ตลอดจนการบันทึกรายได้และกำไร ขณะที่ราคาหุ้นมี PER ซื้อขาย 6.9 เท่า และคาด Div Yield 6% ต่อปี แนะนำซื้อ FV ปี 2565 ที่ 13.00 บาท (อิง PER 9 เท่า)

ESG

Environment: มีมาตรการการป้องกันและแก้ไขผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งในระหว่างก่อสร้าง และหลังการก่อสร้าง เช่น มีผ้าใบคลุมอาคารระหว่างก่อสร้าง เพื่อป้องกันฝุ่นละอองกระจายไปยังพื้นที่ข้างเคียง

Social: ดำเนินกิจกรรมด้าน CSR เพื่อสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคม โดยสนับสนุนกิจกรรมให้กับทุกกลุ่มคนในสังคม ชุมชนใกล้เคียง โรงเรียน เป็นต้น

Governance: กำหนดนโยบายและมาตรการต่อต้านการคอร์รัปชั่น และนโยบายที่เกี่ยวข้องเป็นลายลักษณ์อักษร อาทิ นโยบายการแจ้งเบาะแสการกระทำผิด, นโยบายและแนวปฏิบัติการให้รับของขวัญ ฯลฯ

ประเด็นความเสี่ยง

1.ตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ได้แก่ ความเชื่อมั่นต่อการสร้างรายได้ในอนาคตของผู้ซื้อ หากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามที่คาด ก็จะกระทบความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และนำมาสู่การชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย

2.ระดับการแข่งขันในอุตสาหกรรมรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง อาจทําให้การควบคุมเรื่องประสิทธิภาพการทำกำไรทำได้ยากขึ้น

3.การทำธุรกิจในลักษณะร่วมทุน (JV) ทำให้การรับรู้ทางบัญชีอยู่ในรูปแบบส่วนแบ่งกําไร/ขาดทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทร่วมทุน ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อประมาณการกำไรให้มีโอกาสคลาดเคลื่อนได้

ORI แนะนํา ซื้อ

ราคาปัจจุบัน (บาท) 9.95

ราคาเป้าหมาย (บาท) 13.00

Upside (%) 30.70

Dividend yield (%) 6.10

 

- Advertisement -