บล.เอเซีย พลัส:

คาดกำไรปกติ 2Q65 ยังคงเติบโตเด่นสุดในกลุ่ม

คาดกำไรปกติงวด 2Q65 อยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท พลิกจากที่เคยขาดทุนปกติ 402 ล้านบาท ในงวด 2Q64 และโตแรงถึง 20.8%QoQ เพราะยอดขายฟื้นตัว ตามการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) และการเปิดสาขาใหม่ บวกกับอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น จากสัดส่วนการขายสินค้าที่มาร์จิ้นสูง (กลุ่มแฟชั่น) ได้เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายในการขายต่อรายได้ (SG&A/Sale) ที่ลดลงจากการประหยัดต่อขนาด

แม้ฝ่ายวิจัยมีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรปี 2565-66 ลง เพราะกำไรปกติในช่วง 1H65 คิดเป็นสัดส่วนราว 38.4% ของประมาณการกำไรทั้งปี แต่ฝ่ายวิจัยยังชื่นชอบและเลือก CRC เป็น Top pick ของกลุ่ม เนื่องจากแนวโน้มกำไรในงวด 2Q65 ยังเติบโตเด่นกว่าหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มค้าปลีก บวกกับกำไรในครึ่งหลังจะดีกว่าครึ่งแรกของปี  รวมถึงราคาที่ปรับตัวลงจากจุดสูงสุดราว 11% ถือว่าเป็นโอกาสเข้าซื้อสะสม

คาดกําไรปกติงวด 2Q65 ยังคงเติบโตแกร่งทั้ง YoY และ QoQ

ฝ่ายวิจัยประเมินกำไรปกติงวด 2Q65 อยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท พลิกจากเดิมที่ขาดทุนปกติ 402 ล้านบาท ในงวด 2Q64 และโตได้ 20.8%QoQ เพราะ

1) รายได้รวมอยู่ที่ 5.3 หมื่นล้านบาท เติบโต 22.8%YoY มาจากการเติบโตในทุกส่วนดังนี้

1.1) คาดรายได้จากห้างสรรพสินค้า เติบโต 22.5%YoY เป็น 5.1 หมื่นล้านบาท จากการเติบโตยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ฟื้นตัวเด่นที่ 20.5%YoY ในทุกกลุ่มสินค้า (สินค้าแฟชั่น, กลุ่มอาหาร, สินค้าฮารด์ไลน์) เมื่อเทียบกับงวด 2Q64 ที่ได้รับผลกระทบวิกฤต COVID จึงไม่สามารถเปิดสาขาได้ตามปกติ รวมถึง CRC ได้เปิดสาขาใหม่ขนาดใหญ่อีก 2 แห่ง ที่ประเทศไทยและเวียดนาม (+2%YoY)

1.2) รายได้พื้นที่เช่าเพิ่มขึ้น 33%YoY เป็น 1.7 พันล้านบาท มาจากอัตราการเช่าพื้นที่ที่สูงขึ้นเป็น 90-95% จากเดิม 87% ในงวดเดียวกันของปีที่แล้ว

2) อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ที่คาดว่าจะสูงขึ้นจากเดิม 25% ในงวด 2Q64 เป็น 26.9% ในงวด 2Q65 ซึ่งผลักดันด้วยสัดส่วนการขายกลุ่มสินค้าแฟชั่น (มาร์จิ้นสูง) เพิ่มขึ้น และการให้ส่วนลดพื้นที่เช่าที่เริ่มทยอย ยอยลดลง

3) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A/Sale) ลดลงเป็น 29.2% จากเดิม 31.9% ในงวดเดียวกันของปีที่แล้ว คาดว่ามาจากการประหยัดต่อขนาดที่ทำได้ดีขึ้น

ส่วนกำไรปกติที่เติบโต QoQ แม้คาดรายได้รวมที่เติบโตขึ้นเพียง 1.4%QoQ แต่กำไรโตขึ้นแรงเพราะอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) สูงขึ้นเป็น 26.9% จากเดิม 25.1% ในงวด 1Q65 เนื่องจากสัดส่วนยอดขายสินค้าแฟชั่นที่มีมาร์จิ้นสูงกว่ากลุ่มสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้นดี หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย และผู้คนกลับมาจับจ่ายสินค้าแฟชั่นมากขึ้น

แนวโน้มกำไรต่อจากนี้จะเติบโต YoY และ QoQ ในทุกไตรมาสของปีนี้

ฝ่ายวิจัยยังคงมุมมองบวกกับ CRC ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และคาดว่าแนวโน้มกำไร หลังจากนี้จะเติบโต YoY และ QoQ ได้ในทุกไตรมาสของปีนี้ (3Q-4Q65) ขับเคลื่อนมาจาก

1) รายได้จากห้างสรรพสินค้าที่คาดว่าปรับตัวดีขึ้น มาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของทุกกลุ่มสินค้าในเดือน ก.ค. 65 ยังคงอยู่ในระดับสูงมากกว่า 40%YoY และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง เป็นผลมาจากการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง อาทิ การเปิดเรียนเรียนออนไซต์/การกลับมาทำงานที่ ออฟฟิศ คาดเริ่มเห็นพฤติกรรมของผู้บริโภคกลับมากลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น และประเมินเริ่มเห็นรายได้จากกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติปรับตัวดีขึ้น เป็นผลมาจากการผ่อนคลายมาตราการเดินทางเข้าประเทศที่สะดวกมากขึ้น (ยกเลิกระบบ Thailand Pass ตั้งแต่ 1 ก.ค. 55 ที่ผ่านมา)

2) อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) คาดว่าทำได้สูงขึ้น เพราะสัดส่วนการขายสินค้าแฟชั่นที่มีมาร์จิ้นดีกว่ากลุ่มสินค้าอื่นๆ ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการให้ส่วนลดพื้นที่เช่าที่คาดว่าจะทยอยลดลงตามลำดับ โดยเฉพาะสาขาในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว อาทิ ภูเก็ต และพัทยา

แม้มีแนวโน้มปรับประมาณการ แต่ภาพกำาไรยังโตเด่นสุดในกลุ่มค้าปลีกฯ

หากกำไรปกติงวด 2Q65 เป็นไปตามฝ่ายวิจัยคาดการณ์ จะทำให้กำไรปกติโดยรวมในช่วง 1H65 มีสัดส่วนเพียง 38.4% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 6.6 พันล้านบาท ฝ่ายวิจัยจึงมีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรปี 2565-66 ลงหลังบริษัทประกาศผลประกอบการในช่วงกลางเดือนหน้า ซึ่งเบื้องต้นคาดจะส่งผลให้มูลค่าพื้นฐานปี 2565 ปรับลดจากเดิม 44.75 บาท เหลือราว 42.75-43.75 บาท ซึ่งยังมี Upside อีกราว 17-20% โดยฝ่ายวิจัยยังชื่นชอบ CRC และเลือกเป็น Top pick ของกลุ่มค้าปลีกฯ เนื่องจาก 1) ในระยะสั้นมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มกำไรปกติในงวด 2Q65 ที่เติบโตราว 20.8%QoQ ถือว่าเด่นกว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มค้าปลีกฯ ที่ฝ่ายวิจัยศึกษา ซึ่งส่วนใหญ่แนวโน้มกำไรในงวด 2Q65 จะอ่อนตัวหรือเติบโตได้เพียงเล็กน้อย (อยู่ในช่วง -22.1%QoQ ถึง +5.3%QoQ) 2) แนวโน้มกำไรช่วง 2H65 ดีกว่าช่วง 1H65 ตามการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และ 3) แนวโน้มกำไรในปีนี้ที่จะฟื้นตัวแรงไม่ต่ำกว่า 2,800%YoY รวมถึงราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยฯ  จากจุดสูงสุดในปีนี้ (เม.ย. 65) ถึง 11% ถือว่าเป็นช่วงเวลาสําหรับเข้าซื้อสะสม

ประเด็นความเสี่ยง

1) เศรษฐกิจที่ชะลอตัว และกำลังซื้อที่ลดลง

2) การแข่งขันที่สูงในอุตสาหกรรม

3) การแย่งลูกค้ากันเองของสาขาที่เปิดบริเวณใกล้เคียงกัน

CRC แนะนํา ซื้อ

ราคาปัจจุบัน (บาท) 36.50

ราคาเป้าหมาย (บาท) 44.75

Upside (%) 22.60

Dividend yield (%) 1.2

 

- Advertisement -