ตลาดหุ้นวานนี้

SET ปิดบวก 17 จุด พุ่งแรงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 แรงเก็งกำไรในหุ้น Growth Stock หรือหุ้นกลุ่ม Tech ยังหนุนตลาด นำโดยหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA KCE HANA) นอกจากนี้ยังมีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ราคายัง Underperform ตลาด อาทิ กลุ่มธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน (OR และ PTG) ส่วน PTTEP ปรับตัวลงจากข่าวท่อก๊าซระเบิดในพม่า (อยู่ระหว่างตรวจสอบ)

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

ประเมิน SET แกว่งตัว 1,585 – 1,600 จุด ความกังวลเศรษฐกิจหดตัวหลังดัชนี PMI หลายประเทศชะลอตัวลงโดยเฉพาะยุโรปและจีนที่ปรับตัวลงต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตอยู่ในภาวะหดตัว ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรงซึ่งเป็นลบต่อดัชนีและกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตาม Fund flow ต่างชาติที่พลิกเป็นบวก รวมถึงแรงซื้อดักงบ 2Q22 จะช่วยหนุนให้ดัชนีสลับรีบาวด์ขึ้นได้

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • GPSC BGRIM GULF RATCH SCGP SCC EPG  อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลง
  • MTC SAWAD KTC AEONTS ASK กลุ่ม Finance อานิสงส์ US Bond yield อ่อนตัวลง
  • กลุ่มหุ้นที่คาดว่างบ 2Q22 เติบโต CKP GFPT TFG PTTEP TOP SPRC BANPU IVL SNNP BEM CPN CENTEL

หุ้นแนะนำวันนี้

  • EPG (ปิด 9.70 ซื้อ/เป้า 16 บาท) วันนี้ได้ Sentiment บวกโดยตรงจากที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงราว 4.7$/bbl ส่วนแนวโน้มผลประกอบการ 1Q23 (เม.ย.-มิ.ย.22) คาดว่าจะทยอยฟื้นตัว qoq ตามการเปิดเมืองแต่ยังเติบโตไม่มากเนื่องจากกลุ่มธุรกิจ Auto ยังกดดัน
  • GPSC (ปิด 69.25 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 72 บาท) แรงกดดันต่อต้นทุนพลังงานเริ่มลดลงหลังจากแนวโน้มของราคาน้ำมันดิบเริ่มชะลอตัวเป็น Sentiment บวกกับโรงไฟฟ้าประกอบกับมีประเด็นเรื่องการปรับขึ้นค่า Ft ให้เก็งกำไรเป็นบวกกับผู้ประกอบการที่มีสัดส่วนของโรงไฟฟ้า SPP และมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นภาคอุตสาหกรรมสูง

บทวิเคราะห์วันนี้

PTTEP (ปิด 159.5 ซื้อ/เป้า 185), Property sector

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (-) ดัชนี PMI ภาคการผลิตของกลุ่มประเทศ ศก. หลักชะลอตัว โดยเฉพาะจีนและยุโรป: โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนเดือน ก.ค. ลดลงสู่ระดับ 49 จากระดับ 50.2 ในเดือนมิ.ย. ขณะที่ PMI ภาคการผลิตของยูโรโซนลดลงสู่ระดับ 49.8 ในเดือน ก.ค. จากระดับ 52.1 ในเดือน มิ.ย. (ตัวเลขต่ำกว่า 50 สะท้อนการหดตัว) ส่วนสหรัฐลดลงสู่ระดับ 52.8 แม้จะยังอยู่เหนือระดับ 50 แต่นับเป็นสถิติต่ำสุดในรอบ 2 ปี
  • (-) กลุ่มน้ำมันมีปัจจัยลบราคาน้ำมันดิบร่วงแรงหลังดัชนี PMI ของหลายประเทศชะลอตัว: ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงแรงกว่า 4.73 ดอลลาร์ (-4.8%) ปิดที่ระดับ 93.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นักลงทุนกังวลดีมานด์หดตัวหลังหลายประเทศรายงานกิจกรรมภาคการผลิตหดตัวตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ราคาน้ำมันดิบที่ร่วงแรงจะเป็นลบโดยตรงต่อหุ้นในกลุ่มน้ำมัน (PTTEP PTT TOP SPRC) และอาจจะกดดันต่อ SET Index เพราะมีสัดส่วน 25% ของ market cap รวม
  • (+/-) OPEC+ Meeting คาดเพิ่มปริมาณการผลิตที่ระดับเดิม: OPEC+ meeting ในวันพรุ่งนี้ (3 ส.ค.) เราให้น้ำหนักเป็นกลาง โดยคาดว่า OPEC+ จะเพิ่มการผลิตสำหรับเดือน ก.ย. ที่ระดับ 648,000 บาร์เรลต่อวัน ตามเดิม ซึ่งเป็นปัจจัยที่ตลาดรับรู้อยู่แล้ว ทำให้การปรับเพิ่มปริมาณการผลิต ณ ระดับดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลต่อทิศทางของราคาน้ำมันดิบอย่างมีนัยสำคัญ
- Advertisement -