ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

แกว่งขึ้นต่อ

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันอังคารยังคงแกว่งตัวขึ้น แต่ทางขึ้นจะจำกัด น่าจะยังไม่ผ่านระดับจิตวิทยา 1,600 ในวันนี้… หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นต่อ (ตามคาด) แต่แรงซื้อยังคงกระจุกตัวอยู่ในหุ้นกลุ่มอิเลกโทรนิกส์ และหุ้นกลุ่มเชื่อมโยงภาคการท่องเที่ยว… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยโดยรวมต่อตลาดหุ้นไทยเป็นกลางๆ ได้แก่ i) ทิศทางของฟันด์โฟลว์ยังคงดีอยู่ หลังจากมุมมองต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่น่าจะชะลอลงในระยะถัดไป ยังคงกดดันดัชนีค่าเงินดอลล่าร์ฯ และน่าจะหนุนเงินบาทให้ฟื้นตัวได้ต่อ ii) นักลงทุนน่าจะคลายกังวลเล็กน้อยต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังจากดัชนี ISM ภาคการผลิต ก.ค. ออกมาที่ 52.8 ซึ่งดีกว่าที่ consensus คาดการณ์ iii) อย่างไรก็ดี หุ้นน้ำมันน่าจะอ่อนแอกว่าตลาดในวันนี้ หลังราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลงแรงเมื่อคืนนี้ ตอบรับตัวเลขภาคการผลิตของจีนที่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์… ทั้งนี้ในเรื่องที่เกี่ยวกับจีนนั้น มีข่าวล่าสุดว่าประธานสภาผู้แทนฯ สหรัฐฯ Nancy Pelosi ตัดสินใจเตือนไต้หวันในวันพรุ่งนี้ แม้ว่าทางการจีนได้แถลงเตือนถึงผลกระทบที่อาจจะตามมา ประเด็นนี้อาจรบกวนจิตวิทยาการลงทุนของตลาดหุ้นในเอเชียในวันนี้บ้าง

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร SNNP, ECL, GPSC*

  • SNNP (เป้า Consensus 19.85 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 15.3 บาท / แนวต้าน 15.8-16.5 บาท (Stop loss 15.0 บาท) 2) Consensus คาดกำไร 2Q65 โต +52% YoY เป็น +116 ล้านบาท และเรา คาด Earnings momentum จะดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกไตรมาสจนถึง High season 4Q65 – 1Q66 เป็นอย่าง น้อย จาก i) การฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศและในภูมิภาค ii) ต้นทุนวัตถุดิบเริ่มทรงตัว ขณะที่ทําการปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นมีโอกาสที่อัตรากำไรจะดีกว่า Consensus คาด iii) การเปิดโรงงานใหม่ที่เวียดนามใน 4Q65 3) Forward PE ปีนี้ 31 เท่า และคาดจะลดลงเหลือ 25 เท่าในปีหน้า โดย Consensus คาดกำไรปีหน้าโต +24% YoY
  • ECL (เป้าพื้นฐาน 3.4 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 2.38 บาท / แนวต้าน 2.48-2.58 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบกรอบแนวต้านถัดไป 2.8-3.0 บาท (Stop loss 2.2 บาท) 2) ประเมินกำไรปีนี้ทะลุ +200 ล้านบาท ทำจุดสูงสุดใหม่ หลังการปรับคุณภาพสินทรัพย์และการคัดกรองสินเชื่อใหม่ ทำให้หนี้เสียลดลง และพร้อมกลับมาปล่อยสินเชื่อรถยนต์มือสองเชิงรุกปีนี้ (คาดปีนี้ปล่อยสินเชื่อใหม่ +2 พันล้านบาท) 3) คาด NIM ยืนสูงต่อเนื่องจากจาก i) ดอกเบี้ยรถยนต์มือสองของ ECL ที่ยังต่ำเพียง +/-11% (ยังต่ำกว่าเพดานมาก) ii) เปิดสินเชื่อรถแลกเงินให้ลูกค้าเก่าใน 3Q65 iii) ได้เงินทุนต้นทุนต่ำจาก Sumitomo Mitsui Banking Corporation: SMBC ด้วยต้นทุนดอกเบี้ยรวมอัตราค่าค้ำประกันที่เพียง 2.6% 4) Valuation ไม่แพง PBV 1.4 เท่า (ค่าเฉลี่ยในอดีต = 1.3 เท่า) ขณะที่คาดกำไรทำนิวไฮ
  • GPSC* (เป้าพื้นฐาน 82 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 68 บาท / แนวต้าน 70.5-72.5 บาท (Stop loss 65.5 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานพ้นจุดต่ำสุด ขณะที่มี Catalyst บวก i) การปรับขึ้นค่า Ft สำหรับงวดเดือน ก.ย. – ธ.ค. ii) นโยบายสนับสนุนรถอีวีและแบตเตอรี่ของภาครัฐฯ 3) Valuation ไม่แพง PBV 1.8 เท่า และ Forward PE ปี 2566 +/-29 เท่า เทรดที่ระดับค่าเฉลี่ยย้อนหลังในอดีต ขณะที่คาด Earnings momentum ฟื้นตัวต่อเนื่อง คาดกำไรปีหน้าโต +30% YoY

หุ้นมีข่าว

(+) เควิชั่นร่วมลงทุนใน “จีโอ เฮลท์ เจาะกลุ่ม Health Tech เวียดนาม (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) KBANK* ส่งเควิชั่นร่วมลงทุนใน “จีโอ เฮลท์” (Jio Health) สตาร์ทอัพผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม HealthTech ชั้นนำในประเทศเวียดนาม เล็งต่อยอดช่องทางการทำธุรกิจในด้านการชำระเงินทุกรูปแบบ และเจาะตลาดสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการและบุคคลรายย่อยในระบบนิเวศของอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ คาดสามารถสร้างผลตอบแทนแบบก้าวกระโดด

(+) EA* ทุ่มงบเฉียด 7 พันล้านบ.ซื้อหุ้นเพิ่มทุน BYD-ลุยอีวี (ทันหุ้น) EA* ไฟเขียวทุ่มงบเฉียด 7 พันล้านบาท ส่งบริษัทย่อย “อีเอ โมบิลิตี้ โฮลดิ้ง” (EMH) เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน PP ของ บล.บียอนด์ (BYD) จำนวน 990.80 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 7,062 บาท ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่ พร้อมอนุมัติให้ “อีทราน สปอร์ต โฮลดิ้ง” (ETH) โอนขายกิจการทั้งหมดให้กับ “ไทย สมายล์ บัส (TSB) เชื่อช่วยเสริมแกร่งธุรกิจรถบัสอีวี

(+) AQUA ลุ้นพลิกกำไรรอบ 2 ปี เดินหน้าลงทุนธุรกิจเมกะเทรนด์ (กรุงเทพธุรกิจ) บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) หรือ AQUA ร่วมกับ บริษัท ธนบุรี รีแฮบ เซ็นเตอร์ จํากัด (THR) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) หรือ THG ลงนามสัญญาในการด่าเนินการสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด The Hills Rehab Chiangmai by Thonburi Rettality Center

(0) สผ.ข่าวดีพร้อมข่าวร้าย ท่อส่งก๊าซเมียนมารั่ว! งบ Q2 กำไรโต 189% พบแหล่งก๊าซใหญ่อาบู คาบี (ข่าวหุ้น) PTTEP* แจ้งผลงานไตรมาส 2/65 กำไรโต 189% แตะ 206 หมื่นล้านบาท รับแรงหนุนปริมาณการขายปิโตรเลียมโต 8% แถมราคาขายเพิ่ม บอร์ดอนุมัติปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 4.25 บาท พร้อมประกาศข่าวดีเจาะพบแหล่งก๊าซฯ ขนาดใหญ่โครงการอาบูดาบี ออฟชอร์ 2 ในยูเออี ขณะที่ข่าวร้าย เหตุท่อส่งก๊าซในเมียนมารั่ว เร่งซ่อมแซมภายใน 2 สัปดาห์

(+) MAJOR บุพเพฯ 2 กระหึ่ม ฟอร์มยักษ์เข้าฉายเพียบ (พันหุ้น) MAJOR โรงภาพยนตร์แตก “บุพเพสันนิวาส 2” กระแสแรง 4 วัน โกยรายได้ ทะลุ 130 ล้านหนุนกำไรทันที ชูตลาดหนังไทยคึกจ่อเข้าฉายครึ่งปีหลังอีก 20-25 เรื่อง หนังฮอลลีวู้ดฟอร์มยักษ์ต่อคิวหลายเรื่อง เปิดเต็ม 100% ป๊อปคอร์นขายดี มีกำไรพิเศษขาย TTM โบรกชี้ Q2 แตะ 138 ล้านบาท ปันผลครึ่งปีแรก 0.15 บาท เป้า 25.50 บาท

หุ้นที่แนะน่าก่อนหน้า

  • BDMS* (เป้าพื้นฐาน 31 บาท) แนวรับ 26.25 บาท / แนวต้าน 27.5 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 26 บาท)
  • PTG* (เป้าพื้นฐาน 17.8 บาท) แนวรับ 14.7 บาท / แนวต้าน 15.1-15.3 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 14.2 บาท)
  • COM7* (เป้าพื้นฐาน 52 บาท) แนวรับ 32.5 บาท / แนวต้าน 35.5 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 30 บาท)
  • BGRIM* (เป้าพื้นฐาน 41 บาท) แนวรับ 38.5 บาท / แนวต้าน 40 บาท หากผ่านได้แนะนำ Let profit run” (Trailing stop 38 บาท)
  • OTO (เป้าพื้นฐาน 16.2 บาท) แนวรับ 17.7 บาท / แนวต้าน 18.5-18.9 บาท (Trailing stop 17.0 บาท)
  • ILM (เป้า SAA Consensus 21.45 บาท) แนวรับ 16.7 บาท / แนวต้าน 18.2-18.9 บาท (Trailing stop 16.3 บาท)
  • NEX (เป้า Consensus 22.8 บาท) แนวรับ 16.6 บาท / แนวต้าน 17.0-17.6 บาท (Trailing stop 15.9 บาท)
  • KBANK* (เป้าพื้นฐาน 188 บาท) แนวรับ 144 บาท / แนวต้าน 148-152 บาท (Stop loss 142 บาท)
  • IP (เป้า Consensus 24.9 บาท) แนวรับ 17.8 บาท / แนวต้าน 18.4-19.0 บาท (Stop loss 17.4 บาท)
  • HMPRO* (เป้าพื้นฐาน 17.5 บาท) แนวรับ 13.2 บาท / แนวต้าน 13.7-14.0 บาท (Stop loss 13.0 บาท)
  • BCH* (เป้าพื้นฐาน 28 บาท) แนวรับ 20.0 บาท / แนวต้าน 20.6-21.0 บาท (Stop loss 19.8 บาท)

สรุป Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • OR* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 33.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 2Q65 – 6.2 พันล้านบาท (+7 YoY, -61% QoQ) โดยกำไรที่คาดจะโตเด่นเป็นผลจากค่าการตลาดที่ฟื้นตัวขึ้นมาก ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯ ปรับประมาณการฯ ขึ้น ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 33.5 บาท (เดิม 26.5 บาท) และปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” (เติม “ถือ”)
  • OSP* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 38 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 2Q65 = 798 ล้านบาท (+6% QoQ, -3% YoY) ระยะสั้น ฝ่ายวิจัยประเมินแนวโน้มผลการดาเนินงานของ OSP จะสะดุดเล็กน้อยจากส่วนแบ่งตลาดที่ถูกแบ่งและสถานการณ์ที่เมียนมา ฝ่ายวิจัยฯปรับลดประมาณการลง และปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 38 บาท (เดิม 41 บาท) ยังคงแนะนำ “ซื้อ”
- Advertisement -