บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action TRADING (maintain)

TP upside (downside) +12.3%

Close Aug 1, 2022 Price (THB) 2.12

12M Target (THB) 2.38

Previous Target (THB) 2.50

What’s new?

  • คาดกำไรปกติใน 2Q65 ที่ 528 ลบ. ลดลง 10% QoQ จากส่วนแบ่งกำไรของ LHFG ที่ลดลง แต่คาดกำไรปกติเติบโต 10% YoY มาจากการฟื้นตัวของอัตรากำไรขั้นต้น และธุรกิจโรงแรมที่ขาดทุนลดลงตามอัตราการเข้าพักที่ดีขึ้น
  • คาด Presale ใน 2Q65 ที่ 2.0 พันลบ. (ทรงตัว QoQ, -6% YoY) จากการเปิดโครงการใหม่เพียง 1 โครงการ มูลค่า 1.3 พันลบ. ด้านภาพรวม Presale 1H65 เติบโต 4% Y9Y และคิดเป็น 44% เมื่อเทียบกับเป้าหมายทั้งปีของบริษัทที่ 9.2 พันลบ.

Our view

  • แนวโน้ม Presale และยอดโอนใน 2H65 คาดเพิ่มขึ้นทั้ง HoH และ YoY หนุนจากแผนเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ รวมมูลค่า 5.5 พันลบ. (+38% HoH) และเป็นผลให้เราคาดว่า Presale ทั้งปี 2565 มีโอกาสบรรลุเป้าของบริษัทได้
  • คงประมาณการปี 2565/66 เติบโต 34% และ 17% เป็น 2.2 พันลบ. และ 2.6 พันลบ. ตามลำดับ
  • คงคำแนะนํา “TRADING” แต่ปรับราคาเหมาะสมลงเป็น 2.38 บาท/หุ้น เพื่อสะท้อนการปรับลดราคาเหมาะสมของ HMPRO และปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้น 1H66

QUALITY HOUSES คาดกําไร 2Q65 เติบโต YoY

คาดกําไร 2Q65 ลดลง QoQ แต่เติบโต YoY

เราคาดกำไรปกติใน 2Q65 ที่ 528 ลบ. (-10% QoQ, +10% YoY) แม้ยอดโอนกรรมสิทธิ์คาดทรงตัวทั้ง QoQ และ YoY อยู่ที่ 1.9 พันลบ. แต่ปัจจัยที่หนุนให้กำไรปกติเติบโต YoY มาจาก 1) อัตรากำไรขั้นต้นจากการขายคาดที่ 32.5% (-152 bps QoQ, +108 bps YoY) เพิ่มขึ้นเด่น YoY มาจากการโอนโครงการ Prukpirom New Ratchaphruek ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน และโครงการ Q Sukhumvit ซึ่งทั้งสองโครงการเป็นโครงการระดับบนมี GPM ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยสินค้าคงเหลืออื่นๆ และ 2) ธุรกิจโรงแรมคาดขาดทุนน้อยลงจากช่วง 2Q64 ที่เป็นจุดต่ำสุดของปี ตามการเปิดประเทศทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น หนุนอัตราการเข้าพักใน 2Q65 คาดที่ 55-60% (เพิ่มขึ้นราว 10% YoY +/-)

อย่างไรก็ตาม คาดกำไรปกติปรับตัวลดลง QoQ เป็นผลมาจากส่วนแบ่งกำไรใน 2Q65 คาดลดลง 9% QoQ และ 4% YoY เป็น 364 ลบ. หลักๆ มาจากส่วนแบ่งกำไรจาก LHFG คาดที่ 32 ลบ. (-55% QoQ, -43% YoY) ปรับตัวลดลงตามการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ด้านส่วนแบ่งกำไรจาก Hmpro คาดที่ 302 ลบ. (+1% QoQ, +6% YoY) เติบโต YoY จากรายได้และ GPM ที่เพิ่มขึ้น

Presale 1H65 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY

เราคาดู Presale ใน 2Q65 ที่ 2.0 พันลบ. (ทรงตัว QoQ, -6% YoY) แบ่งเป็น 1) แนวราบ 1.7 พันลบ. ลดลง 13% ทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากการเปิดตัวโครงการใหม่เพียง 1 โครงการ คือ Q District Chaiyapruk Ratchapruek (1.3 พันลบ.) ทำ Take up rate ได้ราว 10% ภายในไตรมาสแรกของการเปิดตัว (เทียบกับ ช่วง 2Q64 และ 1Q65 ที่เปิดตัวโครงการใหม่ราว 2.5 พันลบ./ไตรมาส) และ 2) แนวสูง 320 ลบ. (+385% QoQ, +76% YoY) เติบโตเด่นทั้ง QoQ และ YoY หนุนจากยอดขายในโครงการ Q Sukhumvit ราว 230 ลบ. (ส่วนใหญ่โอนทันภายในไตรมาส)

ทั้งนี้ หาก Presale ใน 2Q65 ใกล้เคียงกับที่คาดจะทำให้ Presale 1H65 เติบโต 4% YoY เป็น 4.1 พันลบ. และคิดเป็น 44% เมื่อเทียบกับเป้าหมายทั้งปีของบริษัทที่ 9.2 พันลบ. (+23% YoY)

แนวโน้ม Presale และยอดโอนฟื้นตัวใน 2H65

เราคาดว่า Presale และยอดโอนกรรมสิทธิ์ใน 2H65 จะเติบโตได้ทั้ง HoH และ YoY จากแผนเปิดตัวโครงการใหม่ที่หนาแน่นมากขึ้นใน 2H65 รวม 4 โครงการ มูลค่า 5.5 พันลบ. (+38% HoH) แบ่งเป็น 3Q65 จํานวน 2 โครงการ ได้แก่ Laddarom New Ratchaphruek (1.7 พันลบ.) และ Laddarom Chatuchote 15 (1.9 พันลบ.) และใน 4Q65 อีก 2 โครงการ รวมมูลค่า 1.9 พันลบ. (ทำให้โดยรวมทั้งปี 2565 บริษัทมีแผนเปิดโครงการแนวราบใหม่รวม 6 โครงการ มูลค่า 9.5 พันลบ. เติบโต 273% YoY) จากแนวโน้ม Presale ที่คาดเห็นการฟื้นตัวใน 2H65 เป็นผลให้เราคาดว่า Presale ทั้งปี 2565 มีโอกาสบรรลุเป้าทั้งปีของบริษัทได้

คงคำแนะนำ “TRADING” ราคาเหมาะสม ณ สิ้น 1H66 ที่ 2.38 บาท/หุ้น

คงประมาณการกำไรปกติปี 2565/66 เติบโต 34% และ 17% เป็น 2.2 พันลบ. และ 2.6 พันลบ. ตามลำดับ ทั้งนี้ หากบริษัทรายงานกำไรปกติใน 2Q65 ใกล้เคียงกับที่คาด จะทำให้กำไรปกติ 1H65 คิดเป็น 50% เมื่อเทียบกับประมาณการปี 2565 ของทั้งเรา และ Bloomberg Consensus

เราปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้น 1H66 ที่ 2.38 บาท/หุ้น (อิงวิธี SOTP) ปรับลดลงจากเดิมที่ 2.50 บาท/หุ้น ณ สิ้นปี 2565 สะท้อนการปรับลดราคาเหมาะสมของ HMPRO (ณ สิ้นปี 2565) ลงจาก 17.00 บาท/หุ้น เป็น 15.00 บาท/หุ้น คงคำแนะนำ “TRADING” จากแนวโน้มกำไรปกติใน 2Q65 ที่ไม่ได้โดดเด่นเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม ขณะที่ราคาปิดวานนี้มี Upside ที่จำกัดเพียง 12% เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมใหม่ของเรา เชิงกลยุทธ์จึงยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุนเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น แต่เหมาะกับนักลงทุนที่แสวงหาผลตอบแทนจากเงินปันผลเท่านั้น (คาดบริษัทจะจ่ายเงินปันผลงวด 1H65 ที่ 0.04 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield 1.9%)

 

 

- Advertisement -