บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +27.8%

Close Aug 1, 2022 Price (THB) 9.70

12M Target (THB) 12.40

Previous Target Price 13.70

What’s new?

  • คาด EPG จะมีกำไรปกติใน 1Q65 (สิ้นงวดเดือน มิ.ย.) ที่ 339 ลบ. โต 9.7%QoQ แต่ลดลง 21.2%YoY หลักๆ มาจากธุรกิจอะไหล่ยานยนต์ที่ชะลอตัว ตามอุตสาหกรรมยานยนต์ในยุโรป ขณะที่ฉนวนยางและบรรจุภัณฑ์พลาสติกยังปรับขึ้นได้ต่อเนื่อง
  • เรามอง 1Q65 เป็นจุดต่ำสุดของปี และจะเริ่มมีทิศทางฟื้นตัว QoQ ตั้งแต่ 2Q65 หลังเริ่มรวมงบ 4 Ways Suspension เข้ามา และมีคำสั่งซื้ออะไหล่ยานยนต์ของรถรุ่นใหม่ๆ เข้ามาเสริม

Our view

  • ช่วงสั้นเรามอง EPG จะมีแรงกดดันจากผลดำเนินงานที่ไม่โดดเด่นใน 1Q65 แต่เรามองว่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี  และเริ่มพลิกกลับมาโต QoQ ได้ ตั้งแต่ 2Q65 ขณะที่ราคาหุ้นมี Upside 27.8% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2565 ที่ 12.40 บาท (อิง PER ย้อนหลัง 3 ปีที่ 20.3% และเพิ่มผลบวกจาก Yuanta ESG Rating ของ EPG ที่ระดับ AA ทำให้มีส่วนเพิ่มจาก PER ที่ใช้ประเมินมูลค่าอีก 2%) เราจึงมองว่า EPG จะกลับมามีความน่าสนใจหลังประกาศผลดำเนินงานในวันที่ 11 ส.ค. นี้ จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

EASTERN POLYMER GROUP ช่วงสั้นยังไม่น่าสนใจ รอสะสมหลังประกาศผลดำเนินงาน

กำไร 1Q65 คาดปรับตัวลง 21.2%YoY หลังธุรกิจอะไหล่ยานยนต์ยังไม่ฟื้น

เราคาด EPG จะรายงานกำไรปกติใน 1Q65 (สิ้นงวดเดือน มิ.ย.) ที่ 339 ลบ. ขยับขึ้น 9.7%QoQ แต่ลดลง 21.2%YoY ปัจจัยกดดันมาจาก 1) รายได้รวมคาดปรับลง 1.3%YoY แม้คาดรายได้ธุรกิจฉนวนยางจะปรับขึ้นได้ดี  หลังขยายตลาดใหม่ในสหรัฐฯ เข้าสู่กลุ่มลูกค้าห้องทำความเย็น และกลุ่มฉนวนก่อสร้าง รวมถึง คำสั่งซื้อจากลูกค้าในญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัว แต่คาดจะถูกกดดันจากรายได้ธุรกิจส่งออกไหล่ยานยนต์ที่คาดลดลง 6%YoY หลังมีปัญหาการส่งมอบรถล่าช้า ทำให้คำสั่งผลิตชิ้นส่วน OEM และ ODM ของค่ายรถใหญ่ๆ น้อยลง 2) อัตรากำไรขั้นต้นคาดปรับลงเล็กน้อยจาก 32.8% ใน 1Q64 เหลือ 32.5% สอดรับกับการประหยัดต่อขนาดของธุรกิจอะไหล่ยานยนต์ที่น้อยลง  หลังปริมาณคำสั่งซื้อลดต่ำลง รวมถึงได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ดี บริษัทได้บรรเทาผลลบดังกล่าวโดยการทยอยปรับขึ้นราคาสินค้า และ 3) ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมคาดปรับลง 19.1%YoY เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทร่วมต่างๆ ของ EPG พึ่งพาอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นหลัก ทำให้มีแนวโน้มปรับตัวลงตามยอดขายยานยนต์

มอง 1Q65 เป็นจุดต่ำสุดของปี และจะเริ่มพลิกโต QoQ ตั้งแต่ 2Q65 เป็นต้นไป

หากเป็นไปตามคาด กำไรสุทธิ 1Q65 จะคิดเป็นเพียง 19% ของประมาณการเดิม ซึ่งต่ำกว่าคาดเพราะยอดขายอะไหล่ยานยนต์ที่ชะลอตัว ทำให้เราปรับลดประมาณการกำไรปกติตั้งแต่ปี 2565 ลงเฉลี่ยปีละ 3.8% ภายใต้ประมาณการใหม่เราคาด EPG จะมีกำไรปกติ 1,685 ลบ. โต 10.7%YoY โดยคาดกำไรปกติจะเริ่มมีทิศทางปรับขึ้น QoQ ตั้งแต่ 2Q65 (สิ้นงวดเดือน ก.ย.) เป็นต้นไป หลังเริ่มรวมงบของบริษัท 4 Way Suspension ผู้ผลิตโช้คอัพและชุดตกแต่งแบรนด์ Tough Dog เข้ามาเต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก ประกอบกับคาดคำสั่งซื้อจากผู้ผลิตยานยนต์จะเริ่มฟื้นตัว เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงผลิตยานยนต์รุ่นใหม่เพื่อเตรียมขายปลายปี ส่วนยอดขายฉนวนยางคาดยังมีทิศทางขยายตัว จากการรุกตลาดสินค้ามาร์จิ้นสูง และเพิ่มกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมใหม่ๆ ทั้งในสหรัฐฯ และเอเชีย ขณะที่บรรจุภัณฑ์พลาสติกคาดปรับขึ้นเล็กน้อยตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นคาดจะเริ่มปรับตัวขึ้นตามยอดผลิตและส่งออกของอะไหล่ยานยนต์ที่เริ่มกลับมาปรับตัวขึ้น

มีแรงกดดันจากกำไรช่วงสั้นที่ไม่สดใส แต่จะเริ่มดีขึ้นหลังประกาศผลประกอบการ

ช่วงสั้นเรามอง EPG จะมีแรงกดดันจากผลดำเนินงานที่ไม่โดดเด่นใน 1Q65 แต่เรามองว่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี และเริ่มพลิกกลับมาโต QoQ ได้ตั้งแต่ 2Q65 ขณะที่ราคาหุ้นมี Upside 27.8% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2565 ที่ 12.40 บาท (อิง PER ย้อนหลัง 3 ปีที่ 20.3x และเพิ่มผลบวกจาก Yuanta ESG Rating ของ EPG ที่ระดับ AA ทำให้มีส่วนเพิ่มจาก PER ที่ใช้ประเมินมูลค่าอีก 2%) เราจึงมองว่า EPG จะกลับมามีความน่าสนใจหลังประกาศผลดำเนินงานในวันที่ 11 ส.ค. นี้ จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

- Advertisement -