บล.เอเซีย พลัส:

ดีขึ้นเรื่อยๆ

คาด 2Q65 ขาดทุนปกติ 170 ล้านบาท (ไม่รวมกำไรจากการขาย IBIS 3 แห่ง) ลดลงจากขาดทุนปกติ 315 ล้านบาท งวดก่อน และ 559 ล้านบาทในงวด 2Q64 ตามการ Reopening ภาพรวมขาดทุนปกติ 1H65F อยู่ที่ 486 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้ม 2H65 ผลขาดทุนทยอยลดลงรายไตรมาสตามการเปิดประเทศ เมื่อเทียบกับทั้งปีที่มองไว้ขาดทุนปกติ 885 ล้านบาท อาจเปิด Upside ต่อประมาณการปี 2565 และทำให้ผลขาดทุนลดลงมาอยู่ที่ 700 800 ล้านบาท ส่วนปี 2566 คาด Turn Around เป็นกำไร 200 ล้านบาท อานิสงค์จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อิง DCF ให้ FV ปี 2565 – 66 ที่ 3.9 บาท และ 4.6 บาท ตามลำดับ คงแนะนำ ซื้อ จาก Earning Momentum และได้ Sentiment บวกตามการ Reopening ประเทศไทย เพราะโครงสร้างรายได้จากโรงแรมไทย สัดส่วน 90% มากสุดในกลุ่มฯ

คาด 2Q65 ขาดทุนลดลง QoQ และ YOY

คาดขาดทุนปกติงวด 2Q65 (ประกาศ 11 ส.ค. 65) อยู่ที่ 170 ล้านบาท ลดจาก 315 ล้านบาทงวดก่อน และ 559 ล้านบาทในงวด 2Q64 โดยแนวโน้มรายได้ขยายตัว 27% QoQ (+210.5% YoY) เท่ากับ 815 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 58% ของ Pre-COVID หนุนด้วยการผ่อนคลายข้อจํากัดในการเดินทางเข้าประเทศ คาดการณ์ผลักดันรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPar) ของโรงแรม Ex Hop Inn มาที่ราว 1.1 พันบาทต่อห้องต่อคืน (+107% QoQ, +571% YoY) คิดเป็น 67% ของ Pre-COVID จากทั้ง Occupancy rate ที่ 55% ดีขึ้นจาก 31% ในงวด 1Q65, 13% ในช่วง 2Q64 และ 2Q62 ที่ 75% ประกอบกับค่าห้องพักเฉลี่ย (ADR) เพิ่มราว 15% QoQ (+57% YoY) คิดเป็นสัดส่วน 91% ของ 2Q62 ด้าน Hop Inn ไทยและฟิลิปปินส์ ทิศทาง RevPar บวก 9% (ใกล้เคียง 2Q62) และ 25% QoQ (80% ของ Pre-COVID) ตามลำดับ แรงส่งจากการฟื้นตัวของ Domestic Demand

แม้ ADR และ Occ Rate ต่ำกว่างวด 2Q62 ประเมินเป็นเหตุให้ยังไม่ถึงจุด Breakeven Point (BEP) ระดับกำไรสุทธิ แต่คาดการณ์เป็นระดับที่ BEP สำหรับ EBITDA ราว 129 ล้านบาท เทียบกับติดลบ 14 ล้านบาทงวดก่อนและ 229 ล้านบาทงวดเดียวกันปีก่อน

ทั้งนี้ การขายโรงแรม IBIS 3 แห่ง (ไอบิส ภูเก็ต กะตะ, ไอบิส หัวหิน, ไอบิส กระบี่ อ่าวนาง) ที่ราคา 1,050 ล้านบาท เทียบราคาทุน 992 ล้านบาท (อิงจากสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่จัดประเภทเป็นสินทรัพย์ที่ถือไว้เพื่อขาย ณ สิ้นงวด 1Q65) จึงคาดกำไรจากการขายสุทธิจากภาษีราว 46 ล้านบาท และทำให้ขาดทุนสุทธิต่ำกว่าขาดทุนปกติอยู่ที่ 124 ล้านบาท

คาดดีขึ้นรายไตรมาส ประมาณการมี UPSIDE

ภาพรวมขาดทุนปกติ 1H65F จะอยู่ที่ 486 ล้านบาท (1H64 ขาดทุนปกติ 1 พันล้านบาท) เชื่อการ Recovery ของการท่องเที่ยวจะทำให้ผลขาดทุนทยอยลดลง QoQ และ YoY ในงวด 2H65 เทียบกับทั้งปีที่มองไว้ขาดทุนปกติ 885 ล้านบาท อาจเปิด Upside ต่อประมาณการ ทำให้ผลขาดทุนลดมาอยู่ที่ 700 – 800 ล้านบาท ส่วนปี 2566 คาด Turn Around เป็นกำไร 200 ล้านบาท ขับเคลื่อนด้วยแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยที่ 20 ล้านคน จาก 5-7 ล้านคน ในปี 2565 ย่อมบวกต่อรายได้และต่อเนื่องถึง Economies of scale

ซื้อ … ตามธีม REOPENING

อิง DCF (WACC -7%) ภายใต้ FCFF ปี 2565 – 2572 ให้ FV ปี 2565 – 66 ที่ 3.9 บาท และ 4.6 บาท ตามลำดับ คงแนะนำ ซื้อ จาก Earning Momentum และได้ Sentiment บวกมากสุด ตามธีม Reopening ประเทศไทย ด้วยโครงสร้างรายได้จากโรงแรมไทย สัดส่วน 90% มากสุดในกลุ่มๆ

ประเด็นความเสี่ยงที่สําคัญ

1. โครงสร้างรายได้พึ่งพาธุรกิจโรงแรมในประเทศอย่างเดียว ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงสูง เมื่อมีเหตุการณ์ลบที่กระทบต่อภาคท่องเที่ยวและโรงแรม เช่น สถานการณ์โรคระบาด จนนำไปสู่ข้อจำกัดด้านการเดินทางระหว่างประเทศและในประเทศ

2. สถานการณ์หลัง COVID-19 ภาพระยะยาวของธุรกิจโรงแรมยังต้องติดตามความเปลี่ยนแปลงในส่วนของพฤติกรรมผู้บริโภค

3. สถานการณ์ความไม่สงบทางการเมือง, ภัยธรรมชาติ, ปัญหาระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และสภาวะเศรษฐกิจโลก อาจส่งผลต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

4. โครงสร้างทางการเงินมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสูง ย่อมได้รับผลกระทบหากการดำเนินงานไม่เป็นไปตามสมมติฐาน และอาจส่งผลให้เกิด Recap

ERW แนะนํา ซื้อ

ราคาปัจจุบัน (บาท) 3.74

FV 65 /66 (บาท) 3.90/4.60

Upside 65 / 66 (%) 4.3 / 23.00

Dividend yield (%) 0.0

 

- Advertisement -