บล.เอเซีย พลัส:

บรรยากาศหอมหวนกลับมาอีกครั้ง

ฝ่ายวิจัยประเมินงวด 2Q65 กำไรสุทธิ 55 ล้านบาท เติบโตถึง 156%QoQ เป็นผลจากอัตราการใช้เครื่องจักรเฉลี่ย 18 ชุด/เดือน เพิ่มขึ้นจากงวด 1Q65 ที่ 13-14 ชุด/เดือน ด้าน gross margin ประเมินที่ 20% จากงานที่ทำมี margin สูง โดยภาพรวมผลประกอบการอยู่ในระดับใกล้เคียงปี 2561-62 ซึ่งเป็นปีที่กำไรสูงสุดในช่วง 3Q65 คาดว่าอัตราการใช้เครื่องจักรอยู่ที่ 18-20 ชุด/เดือน ใกล้เคียง 2Q65 และช่วง 4Q65 ฝ่ายวิจัยเชื่อมั่นว่า PYLON จะสามารถหางานเข้ามาเติมได้ โดยงานที่เป็นไฮไลท์สำคัญ ได้แก่ งานรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้, งานมิกซ์ยูสในเครือของเซ็นทรัล และโครงการสำนักงานของ AIA

ฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำซื้อ โดยประเมิน Fair Value ที่ 6.45 บาท อิง Historical PBV ที่ 4 เท่า มี Upside 43.97% และ Dividend Yield 5.21%

ภาพปี 2561-62 เริ่มกลับมาอีกครั้ง

ฝ่ายวิจัยประเมินผลประกอบการงวด 2Q65 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 55 ล้านบาท เติบโต 156%QoQ โดยเป็นผลมาจากอัตราการใช้เครื่องจักรเฉลี่ยที่ 18 ชุด/เดือน เทียบกับงวด 1Q65 ที่มีอัตราการใช้เครื่องจักรเฉลี่ยที่ 13-14 ชุด/เดือน ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 450 ล้านบาท เติบโต 58%QoQ ด้าน gross margin ประเมินไว้ที่ 20% เป็นผลมาจากงานที่ทำเป็นงาน margin สูง หลายโครงการ ได้แก่ Cloud11, US Embassy และทางด่วน ดาวคะนอง – พระราม 3 โดยภาพรวมรายได้, อัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิอยู่ในระดับใกล้เคียงปี 2561-62 ซึ่งเป็นปีที่กำไรสูงสุด

ผลประกอบการ 3Q65 ไม่ด้อยไปกว่า 2Q65

ฝ่ายวิจัยประเมินว่าอัตราการใช้เครื่องจักร 3Q65 จะปรับลดลงมาเล็กน้อยอยู่ที่ 18-20 ชุด/เดือน ใกล้เคียงกับงวด 2Q65 จากที่เคยประเมินไว้ที่ 22-25 ชุด/เดือน เป็นผลมาจาก PYLON ส่งมอบงาน Cloud11 ได้เร็วกว่ากำหนด 1 – 1.5 เดือน อย่างไรก็ตาม PYLON ยังมีงานสำคัญที่อยู่ระหว่างติดตามอีกหลายโครงการ อาทิ โครงการของ AIA, งานมิกซ์ยูสในเครือของเซ็นทรัล และทางยกระดับพระราม 2 หากได้รับงานเข้ามาและเริ่มงานบางส่วนทันใน 3Q65 ก็จะทำให้ผลประกอบการ 3Q65 มีโอกาสทำได้สูงกว่า 2Q65 ส่วนโครงการที่จะเป็นไฮไลท์ในปี 2566 ได้แก่  โครงการรถไฟฟ้าสีม่วงใต้ และรถไฟฟ้าสีส้มที่คาดว่า PYLON จะเข้าไปมีส่วนร่วม รวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินที่น่าจะเริ่มงานได้ตั้งแต่ ม.ค. 66 ซึ่งจะดูดซับกำลังการผลิตของผู้ประกอบการเสาเข็มในตลาดไปเกือบทั้งหมด และทำให้ภาพการแข่งขันในด้านราคาของธุรกิจเสาเข็มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

แนะนำซื้อ ธุรกิจจะไปได้สวยแน่นอน

อัตราการใช้เครื่องจักรในระดับสูง ส่งผลให้ผลประกอบการ 2Q65 เติบโตแบบก้าวกระโดด ประกอบกับสัดส่วนของ backlog 54% ที่เป็นงานที่รับค่าแรงเพียงอย่างเดียว ปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลให้ปี 2565 มีโอกาสกลับไปทำกำไรใกล้เคียงปี 2561-62 ซึ่งเป็นปีที่ทำกำไรสูงสุด ฝ่ายวิจัยประเมิน Fair Value ที่ 6.45 บาท อิง Historical PBV ที่ 4 เท่า มี Upside 43.97% และ Dividend Yield 5.21%

ประเด็นความเสี่ยง

1. การระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 กดดันเศรษฐกิจและงานก่อสร้างชะลอตัว ส่งผลต่อการรับงานใหม่และการรับรู้รายได้ของ PYLON ซึ่งปัจจุบันมีอายุของ Backlog ประมาณ 3 ไตรมาส

2.ความผันผวนของราคาวัสดุก่อสร้างที่มีโอกาสเกิดขึ้นเนื่องจากงานเกือบทั้งหมดในปัจจุบันของ PYLON เป็นงานที่รับจากผู้ว่าจ้างภาคเอกชน ซึ่งไม่มีเงินชดเชยค่า K เหมือนงานภาครัฐ จึงต้องแบกรับความเสี่ยงจากราคาวัสดุก่อสร้างที่เปลี่ยนแปลง

PYLON แนะนํา ซื้อ

ราคาปัจจุบัน (บาท) 4.48

ราคาเป้าหมาย (บาท) 6.45

Upside (%) 43.97

Dividend yield (%) 5.21

- Advertisement -