Daily Focus: Earnings and Value Plays

2022 SET Target: 1670

ตลาดหุ้นวานนี้ : ดัชนีแกว่งตัวผันผวนทั้งบวกและลบรวม 12 จุดตามตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในภาคบ่าย จากความตึงเครียดของความสัมพันธ์ สหรัฐ-จีน ในกรณีไต้หวัน กดดันให้ดัชนีปิดลบ 4.08 จุด ปิดที่ 1,589.16 จุด แนวต้าน 1,600 จุด ยังทำงานได้แข็งแกร่งในช่วง 2 วันนี้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างชาติยังซื้อหุ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 จํานวน 2.68 พันลบ. (และ Long Index Futures เพิ่มขึ้นอีก 2.78 หมื่นสัญญา) ส่วนสถาบันในประเทศพลิกมาขายหุ้น 2.5 พันลบ.

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways down กรอบ 1,575-1,590 จุด จากความตึงเครียดมากขึ้นระหว่างความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน หลังนาง Nanncy Pelosi เยือนไต้หวัน และเตรียมเข้าพบประธานาธิบดีไต้หวันในวันนี้ นาง Pelosi ถือเป็นนักการเมืองระดับสูงสุดจากอเมริกาที่เยือนไต้หวันเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี สร้างความไม่พอใจให้แก่จีน ขณะเดียวกันนักลงทุนยิ่งกังวลเศรษฐกิจของสหรัฐและจีนที่อาจชะลอมากขึ้น หากเกิดความไม่สงบทางการเมืองเพิ่มเติม วันนี้ OPEC+ ประชุม คาดว่าจะไม่เพิ่มการผลิตมากกว่าแผน เรายังคงเชื่อว่าราคาน้ำมันผ่านจุดสูงสุดของปีนี้ไปแล้วในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกจะเริ่มชะลอตั้งแต่เดือน ก.ย. เป็นต้นไป ระยะสั้นดัชนียังจํากัดอยู่บริเวณ 1,600 จุด จากภาพเศรษฐกิจโลกที่ชะลอ เศรษฐกิจไทยทยอยฟื้นตัวช้าๆ กลุ่ม Domestic Play คาดยังปรับตัวได้แข็งแรง โดยเฉพาะใน 2H22 หนุนกระแสเงินทุนไหลเข้าในระยะกลาง-ยาว เรายังเน้นลงทุนในหุ้น Value Play ที่ Valuation ถูกกว่าช่วงก่อน COVID-19 ส่วนหุ้นที่มีแนวโน้ม กำไร 2Q22 โดดเด่น คาดว่าจะ Outperform ตลาดช่วงนี้

กลยุทธ์ : เก็งกำโรงบ 2Q22 และหุ้น Value Plays

หุ้นเด่นเดือน ส.ค. : BBL, ILINK, NSL, SAPPE, SC

หุ้นเด่นวันนี้ : BCH

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 28.50 บาท
  • เป็นแหล่งพักเงินที่ดีท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-จีนที่เข้ามาใหม่ เมื่อเทียบกับรพ. อื่น BCH มี PE 11 เท่า ต่ำสุดในกลุ่ม
  • แม้ว่ากําไรจะผ่านพีคและชะลอใน 2Q22 และชะลอต่อเนื่องในปี 2022-2023 แต่กำไรปี 2023 ยังสูงกว่าช่วงก่อนโควิดถีง 50% การดำเนินงานหลักยังแกร่งทั้งผู้ป่วยใน -ด่างชาติ และประกันสังคมที่เพิ่มต่อเนื่อง และรพ.สาขาใหม่ไม่ถ่วงผลประกอบการแล้ว
  • แนวรับ 20.30 บาท แนวต้าน 21.0//21.60 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคมากขึ้นเป็น US5391 ล้าน เป็นการไหลออกจากไต้หวันประเทศเดียว (US$692 ล้าน) จากสถานการณ์ตึงเครียดช่องแคบไต้หวัน ในส่วนของ TIPs เม็ดเงินยังไหลเข้าไทยและอินโดนีเซียต่อเนื่อง US$74 ล้าน และ US$60 ล้าน ตามลำดับ แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดไหลออกเบาบางรอดูผลประกอบการแต่ละตลาด และท่าทีของจีนต่อการเยือนไต้หวันของ Nancy Pelosi

ประเด็นสําคัญวันนี้

(+) SMT คาดกำไร 2Q22 ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 64 ลบ. +12% Q-Q, +14% YY จากคำสั่งซื้อที่แข็งแกร่ง เงินบาทอ่อนค่า และสถานการณ์วัตถุดิบที่ทยอยคลี่คลาย กำไรจะเร่งขึ้นต่อใน 3Q22 เพราะเป็น High Season ผู้บริหารเลื่อนการลงทุนใน Bitcoin ไปก่อน และตั้งเป้ารายได้ ปี 2022-23 aggressive +37% และ +33% เพราะมีออเดอร์ล่วงหน้าแล้ว 90% และจัดหาวัตถุดิบล่วงหน้าแล้ว ประมาณการของเรา Conservative กว่า โดยคาดกำไร +13% และ +11% ปี 2022-23 คงราคาเป้าหมาย 6 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(-) PJW คาดกำไรปกติ 2Q22 ลดลงเหลือเพียง 13 ลบ. -69% Q-Q, -71% Y-Y ถูกกระทบหนักจากการ Lockdown รอบใหม่ของเซี่ยงไฮ้ ในเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นเดือนที่ดีที่สุดของภาคการผลิต การขาดแคลนชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ของกลุ่มยานยนต์กลับมาปะทุอีกรอบในเดือน มิ.ย. ต้นทุนเม็ดพลาสติกสูงต่อเนื่อง ปัจจุบันปัญหาต่างๆเริ่มคลี่คลาย คาดกำไร 3Q22 จะกลับมาใกล้ปกติ ประมาณการกำไรปีนี้มี downside 12-15% ราคาเป้าหมายอาจลดลงเป็น 5.5-5.8 บาท สูงกว่าราคาปัจจุบัน ยังแนะนำ “ซื้อ ”

(-) STANLY-IRC ผลประกอบการไม่สดใส ถูกกดค้นหนักจากปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ ค่ายรถบางแห่งชะลอการผลิตออเดอร์ของบริษัทชะลอตาม ขณะที่ต้นทุนเรซินและโพลิเมอร์สยังอยู่ในระดับสูงตามราคาน้ำมัน เราคาดกำไรของ STANLY ที่ 319 ลบ. -32% Q-Q, -17% Y-Y ส่วน IRC อาจประสบผลขาดทุน 8-10 ลบ. สถานการณ์ไตรมาสหน้ายังไม่ดีนัก เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการ STANLY ยังดูดีกว่า IRC จุดแข็งทั้งสองคือฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง

(0) PTT ขายธุรกิจถ่านหิน (PTTML) ทั้ง 100% มูลค่า US$471 ล้าน ให้กับบริษัทในเครือ Astrindo อินโดนิเซีย เพื่อมุ่งสู่พลังงานสะอาด คาดธุรกรรมแล้วเสร็จใน 4Q22 PTT อาจมีกําไรหรือขาดทุนราว US$20-50 ล้านจากการขาย PTTML กระทบจํากัดต่อกำไรรวม แม้เราจะแนะนำซื้อและให้ราคาเป้าหมาย 50 บาท แต่ชอบ PTTEP ซึ่งเป็น oil play มากกว่า PTT เพราะผลประกอบการของ PTT อาจมี downside จากบ.ลูกและธุรกิจก๊าซของบริษัทเอง

(-) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 32,396.17 จุด ร่วงลง 402.23 จุด หรือ -1.23% จากความกังวลของสถานการณ์ตึงเครียดด้านการเมืองระหว่างสหรัฐและจีน หลังประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเดินทางเยือนไต้หวัน

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐ

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย แกว่งตัวแบบผสม โดยนักลงทุนเฝ้าติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 36.27 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 53 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 94.42 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนักลงทุนรอผลการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัส และรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในวันนี้

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์ หรือ 0.11% ปิดที่ 1,789.7 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความกังวลเกี่ยวกับการเผชิญหน้าทางทหารระหว่างจีนและสหรัฐ หลังประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเดินทางเยือนไต้หวัน

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,002.97 / -2.9

- Advertisement -