บล.บัวหลวง:
Thai Union Feedmill (TFM TB/TFM.BK)
TFM – กำไรหลักต่ำกว่าคาด; ปรับลดประมาณการกำไรปี 2565 ลงจากเดิม
กําไรหลักต่ำกว่าที่เราคาดก่อนหน้า
TFM รายงานก่าไรสุทธิไตรมาส 2/65 ที่ 34 ล้านบาท ลดลง 30% YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ ถ้าเทียบกับกําไรสุทธิไตรมาส 1/65 ที่ 1 ล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษในไตรมาส 2/65 ซึ่งได้แก่ สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชีของบริษัทย่อยสองแห่ง 15 ล้านบาท และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 3 ล้านบาท กำไรหลักในไตรมาสนี้อยู่ที่ 16 ล้านบาท ลดลง 67% YoY แต่เพิ่มขึ้น 215% QoQ กําไรสุทธิสูงกว่าที่เราคาด 36% เนื่องจากรายการพิเศษสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชี แต่กําไรหลักต่ำกว่าเราคาด 37% (เทียบกับประมาณกำไรหลักที่เราคาดก่อนหน้าที่ 25 ล้านบาท) เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าคาด ยอดขายสูงกว่าที่เราคาด 5% อัตรากําไรขั้นต้นในไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 7.2% ต่ำกว่าที่เราคาดก่อนหน้าที่ 8% (เทียบกับ 9.2% ในไตรมาส 2/64 และ 7% ในไตรมาส 1/65)
ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ
กําไรหลักที่ลดลงอย่างมาก YoY เป็นผลมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง (เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด ซึ่งได้แก่ กากถั่วเหลือง ข้าวสาลี และปลาป่น) และยอดขายที่ลดลง (เนื่องจากวอลุ่มขายอาหารปลา และอาหารสัตว์บกที่ลดลง) แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราเห็นการเพิ่มขึ้นของกําไรหลัก QoQ ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากช่วงไฮซีซั่นของการเลี้ยงกุ้งในประเทศไทยและการเลี้ยงปลาในประเทศปากีสถาน ส่งผลให้วอลุ่มขายอาหารกุ้งและอาหารปลาเพิ่มขึ้นแรง QQQ ในแง่ของราคาตลาดเฉลี่ยของวัตถุดิบในไตรมาส 2/65 ราคาตลาดเฉลี่ยของกากถั่วเหลืองเกรดพรีเมียมอยู่ที่ 22.8 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 18%YoY และ 7%QoQ ในขณะที่ราคาตลาดเฉลี่ยของปลาป่นเกรด 2 อยู่ที่ 44.4 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 22% YoY และ 20% QoQ ราคาข้าวสาลีโลกเฉลี่ยในไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 10.73 เหรียญ สหรัฐฯ/บูเชล เพิ่มขึ้น 58% YoY และ 18% QoQ
ยอดขายรวมในไตรมาสนี้ลดลง 8% YoY (เนื่องจากวอลุ่มขายอาหารปลา และอาหารสัตว์บกที่ลดลงจากการปรับพอร์ตการขายไปสู่อาหารปลาและอาหารสัตว์บกที่ให้อัตรากําไรขั้นต้นที่สูงกว่าเดิม) แต่เพิ่มขึ้น 26% QoQ (หนุนโดยช่วงไฮซีซั่นของการเลี้ยงกุ้งในประเทศไทย และการเลี้ยงปลาในประเทศปากีสถาน) ยอดขายอาหารกุ้งในไตรมาสนี้ลดลง 2% YoY เนื่องจากราคาขายอาหารกุ้งที่ปรับลดลง 9% YoY ยอดขายอาหารปลาและอาหารสัตว์บกลดลง 10% YoY และ 7% YoY ตามลำาดับ เนื่องจากวอลุ่มขายที่ลดลงจากการหันไปเน้นขายผลิตภัณฑ์ที่ให้อัตรากำไรที่สูงขึ้น ราคาขายเฉลี่ยสําหรับทุกผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ในไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 26,779 บาท/ตัน เพิ่มขึ้น 5% YoY และ 6% QoQ ในขณะที่วอลุ่มขายอาหารสัตว์ โดยรวมในไตรมาสนี้อยู่ที่ 4.68 หมื่นต้น ลดลง 10% YoY แต่เพิ่มขึ้น 18% QoQ
แนวโน้ม
สําหรับในไตรมาส 3/65 เราคาดการณ์กำไรหลักที่ 30 ล้านบาท ลดลง 65% YoY (เนื่องจากฐานกำาไรหลักไตรมาส 3/64 ที่สูงมาก) แต่เพิ่มขึ้น 91% QoQ (หนุนโดยผลกระทบทางบวกจากราคากากถั่วเหลืองและราคา ข้าวสาลีที่เริ่มลดลงในช่วงปลายไตรมาส 2/65 ซึ่งจะสะท้อนเป็นต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงในช่วงปลายไตรมาส 3/65) ราคาตลาดเฉลี่ยของข้าวสาลีปรับตัวลดลง 28% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในไตรมาส 2/65 ในขณะที่ราคากากถั่วเหลืองปรับตัวลดลง 4% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในไตรมาส 2/65 ดังนั้นผลกระทบทางบวกที่มากขึ้นของราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลงน่าจะสะท้อนให้เห็นในต้นทุนขายที่ปรับตัวลดลงตั้งแต่ไตรมาส 4/65 เป็นต้นไป เราคาดการณ์กำไรหลักไตรมาส 4/65 ที่ 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73% YoY และ 67% QoQ
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ลงอีก 9% (เหลือ 125 ล้านบาท) และปรับลดประมาณการกำไรหลักลงอีก 22% (เหลือ 101 ล้านบาท) เพื่อสะท้อนยอดขายที่ปรับลดลงอีก 6% และอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับลดลงจาก 8.8% เหลือ 7.9% ราคาเป้าหมายของเราปรับลดลงอีก 8% (เหลือ 12 บาท) สำหรับเป้าผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทยังคงเป้าอัตราการเติบโตของยอดขายที่ 5-8% (ซึ่งเรามองว่าสูงเกินไปถ้าเทียบกับยอดขายที่ลดลง 2% YoY สำหรับในช่วงครึ่งแรกของปี 2565) และยังคงเป้าอัตรากำไรขั้นต้นที่ 7-9%
คําแนะนํา
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น TFM จากการคาดการณ์ว่ากำไรมีแนวโน้มกลับมาเพิ่มขึ้น YoY อีกครั้ง ตั้งแต่ไตรมาส 4/65 เป็นต้นไปจากจุดต่ำสุดของปีนี้ในไตรมาส 1/65