บล.บัวหลวง:

Utilities – หุ้นโรงไฟฟ้า กับระเบิดเวลาค่าไฟ (OVERWEIGHT)

ราคาไฟฟ้าไม่ช้าก็เร็วต้องปรับขึ้น เนิ่องจากภาระต้นทุนก๊าซของ กฟผ. ในปัจจุบันถึงจุดวิกฤติแล้ว เราคาดหุ้นโรงไฟฟ้า SPP จะเป็นผู้นำในธีมนี้ และหุ้นโรงไฟฟ้า VSPP (Adder และสัญญาเอกชน) จะเป็นกลุ่มที่ตามมา ทั้งนี้เราชอบ BGRIM และ GPSC มากที่สุดในกลุ่มโรงไฟฟ้า

ผลประกอบการไตรมาส 2/65 จะส่งสัญญาณฟื้นตัว

เราคาดการณ์กำไรหลักรวมกลุ่มโรงไฟฟ้าในไตรมาส 2/65 ที่ 3,128 ล้านบาท ลดลง 30% YoY แต่ปรับตัวขึ้น 7% QoQ สอดคล้องไปกับการเปลี่ยนแปลงของราคาก๊าซ (ราคาก๊าซเฉลี่ยในไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 390 บาท/ล้าน btu ปรับตัวขึ้น 90% YoY แต่ลดลง 5% QoQ) BGRIM และ GPSC มีแนวโน้มที่จะรายงานกำไรหลักที่ดี (ลดลง YoY แต่ดีขึ้น QoQ) กำไรหลักของ GULF น่าจะปรับตัวขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ ขณะที่กำไรหลักของ GUNKUL น่าจะปรับตัวลง YoY แต่ปรับตัวขึ้น QoQ ทั้งนี้เนื่องจากค่าเงินบาทอ่อนค่ามาก เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าจึงมีแนวโน่มรายงานขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนผ (ไม่ใช่เงินสด) อย่างมีนัย

ค่าไฟพุ่งวันนี้ เราจ่ายแค่ค่าก๊าซ แต่…

ผลผลิตจากแหล่งก๊าซเอราวัณอาจจะเพิ่มขึ้นในปี 2566 แต่ผลผลิตของแหล่งยาดานา (ประเทศเมียนมาร์) อาจจะลดลง (เนื่องจากการถอนตัวของ Total Energies) ดังนั้น PTT ยังคงจําเป็นต้องนำเข้า LNG ปริมาณมาก และหากราคา LNG ยังคงอยู่ในระดับสูง (เนื่องจากปัญหาระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ยืดเยื้อ) ราคาก๊าซจะไม่ปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว โดยเราประมาณการราคาก๊าซปี 2566 ที่ 356 บาท/ล้าน btu ลดลง 5% YoY ทั้งนี้เราไม่คิดว่ากฟผ.จะ สามารถรับภาระต้นทุนก๊าซจํานวนมากได้อีกนานนัก ดังนั้น กกพ. จะต้องปรับขึ้นค่าไฟในเร็วๆ นี้ เพื่อที่จะลดความเสี่ยงปัญหาสภาพคล่องของกฟผ. และต่อให้ราคาก๊าซเฉลี่ยปี 2566 จะต่ำกว่าที่เราคาด แต่เรายังเชื่อว่าค่าไฟน่าจะ ยังคงปรับตัวสูงขึ้น

…ถ้พุ่งพรุ่งนี้ เราจ่ายดอกเบี้ยด้วย

นายกฯ คัดค้านมติของ กกพ. สำหรับการปรับขึ้นค่าไฟช่วงเดือน ก.ย. – ธ.ค. (จาก 4 บาทต่อหน่วย ไปเป็น 4.72 บาทต่อหน่วย ซึ่งสะท้อนเพียงราคาก๊าซที่สูงขึ้น แต่ยังไม่รวมภาระยองกฟผ.) แต่ภาระต้นทุนก้าชมองกฟผ. เป็น เหมือนระเบิดเวลาที่ยิ่งปล่อยทิ้งไว้นานก็จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น การอุดหนุนต้นทุนก๊าซของ กฟผ. จะหมายถึงการแบกรับหนี้และดอกเบี้ยที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่อัตราค่าไฟในปี 2566 จะสูงกว่าสมมติฐานล่าสุดของเราที่ 5.03 บาทต่อหน่วย (ปรับตัวขึ้น 21% YoY) เราปรับประมาณการกำไรหลักปี 2566 ของ GPSC ขึ้นอีก 6% มาอยู่ที่ 8,510 ล้านบาท (ขึ้น 203% YoY) นอกจากนี้ โรงไฟฟ้า VSPP (แบบ Adder) และโชลาร์รูฟท็อป (สัญญาซื้อขายไฟฟ้าเอกชน) จะได้รับผลประโยชน์จากค่าไฟที่สูงขึ้น ในขณะที่ต้นทุนคงที่

ความคืบหน้าล่าสุดของบริษัทร่วมทุน GULF-GUNKUL

GUNKUL โอนฟาร์มกังหันลมกำลังผลิตรวม 170MW ให้กับบริษัทร่วมทุน ในขณะที่ GULF จะจ่ายเงินสด 5 พันล้านบาทเพื่อซื้อหุ้นเพิ่มทุนและถือหุ้น 50% ส่งผลให้เราปรับลดประมาณการกำไรในระยะยาวของ GUNKUL ลง 10-15% และราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2565 ลงจาก 7 บาท มาอยู่ที่ 6.50 บาท ในทางกลับกัน เราปรับประมาณการกำไรระยะยาวของ GULF ขึ้นในกรอบ 2-4% และราคาเป้าหมายขึ้นจาก 64 บาทไปเป็น 66 บาท อย่างไรก็ ตามเราคาดบริษัทร่วมทุนดังกล่าวจะใช้เงินสด 5 พันล้านบาทในการลงทุนใน โครงการพลังงานทดแทนใหม่ๆ ในเร็วๆนี้ ซึ่งเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการใน ปัจจุบันของเรา

- Advertisement -