บล.เอเซีย พลัส:

กลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย: HOUSING นํ้าหนักเท่าตลาด

คาดกําไรกลุ่มฯ 2Q65 เติบโต 16% QOQ

2Q65 คาดกำไรปกติกลุ่มฯ ใกล้เคียงงวดปีก่อนเท่ากับ 8.67 พันล้านบาท โดยเติบโต 16% qoq ตามยอดโอนฯ เพิ่มขึ้น 10% qoq มาจากทั้งกลุ่มแนวราบและคอนโดฯ รวมถึงส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมสูงขึ้น 22% qoq อยู่ที่ 1.69 พันล้านบาท ด้าน Gross Margin ขายฯ ประเมินทรงตัว 33.3% หากพิจารณารายบริษัท พบว่า LH, SC, SIRI, ORI และ ASW คาดกำไรเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ

คาดกำไรปกติ 1H65 เท่ากับ 1.61 หมื่นล้านบาท และจะเร่งตัวขึ้นใน 2H65 สนับสนุนด้วย Backlog รอส่งมอบจาก 2Q65 ตลอดจนการเปิดโครงการใหม่จำนวนมาก โดยเฉพาะแนวราบที่มีรอบธุรกิจสั้น และการโอนฯ กรรมสิทธิ์คอนโดฯ ใหม่ทั้งของบริษัทเอง และรูปแบบ JV ที่ส่วนใหญ่มีกำหนดเสร็จ 2H65 คาดผลักดันต่อกำไรปกติ 3Q65 เติบโต QoQ และทำจุดสูงสุดของปีใน 4Q65

ลงทุนเท่าตลาดสําหรับกลุ่มฯ คาดหลังงบ 2Q65 จะเห็นหลายบริษัทจ่ายเงินปันผล 1H65 คิดเป็นผลตอบแทนเฉลี่ย 2-3% และทั้งปีมากกว่า 5% ต่อปี ขณะที่ Valuation มี PER ซื้อขายไม่แพง แนะนำหาจังหวะทยอยสะสมหุ้นสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว เลือกหุ้นเด่นที่มีพื้นฐานแข็งแรง, Backlog สูง และปันผลกว่า 5% ได้แก่ AP, ORI, SPALI, LH และ SC

คาดกําไรปกติ 2Q65 เติบโต 16% QoQ

งวด 2Q65 คาดการดำเนินงานของผู้ประกอบการ 14 บริษัทในกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัยมีกำไรสุทธิราว 9 พันล้านบาท (+10% qoq) หากไม่กำไรพิเศษรวม 320 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดมาจาก ORI คาดกำไรปกติอยู่ที่ 8.67 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% qoq หนุนจาก

  • รายได้ดำเนินงานสูงขึ้น 10% qoq อยู่ที่ 5.65 หมื่นล้านบาท โดยสัดส่วน 93% มาจากรายได้ขายอสังหาฯ คาดเติบโตในอัตราเดียวกัน 10% qoq เท่ากับ 5.26 หมื่นล้านบาท ขับเคลื่อนจากการโอนฯ ของกลุ่มสินค้าแนวราบที่คิดเป็นสัดส่วน 76% ของยอดโอนฯ หรือ 3.98 หมื่นล้านบาท (+11% gog) ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการส่งมอบของ Backlog ที่ยกมาจาก 1Q65 ขณะที่ยอดโอนฯ คอนโดฯ (สัดส่วน 24%) หรือ 1.28 หมื่นล้านบาท คาดเพิ่มขึ้น 7.8% qoq ส่วนหนึ่งจากการเริ่มส่งมอบคอนโดฯ ใหม่ของหลายบริษัท เช่น LH (The Key พระราม 3), SPALI (3 โครงการ ได้แก่ Supalai Lite วงเวียนใหญ่, แยกไฟฉาย และ รามคำแหง), SIRI (The Base เพชรบุรี-ทองหล่อ) และ ASW (Ivory รัชดา) ทำให้บริษัทเหล่านี้มียอดโอนฯ คอนโดฯ เติบโต QoQ
  • ประสิทธิภาพทำกำไร คาด Gross Margin ขายฯ ใกล้เคียงงวดก่อนที่ 33.3% เนื่องจากสัดส่วน Product Mix ของการโอนฯ ระหว่างแนวราบและคอนโดฯ ไม่ต่างกันมาก (1Q65 แนวราบ 75% และคอนโดฯ 25%) แต่ด้วยฐานรายได้ที่สูงขึ้น ทําให้เกิดการประหยัดต่อขนาด จึงประเมินสัดส่วน SG&A/Sales ลดลงจาก 17.7% งวด 1Q65 มาอยู่ที่ 17%
  • ส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมคาดเพิ่ม 22% qoq เท่ากับ 1.69 พันล้านบาท (สัดส่วน 20% ของกำไรปกติรวม) จากการโอนฯ คอนโดฯ JV ใหม่ของ ANAN และ ORI หนุนให้เกิดการรับรู้ส่วนแบ่งกำไร 120 ล้านบาท และ 95 ล้านบาท เทียบกับงวดก่อนที่มีส่วนแบ่งขาดทุน 59 ล้านบาท และ 48 ล้านบาทตามลำดับ

เมื่อเทียบกับ 2Q64 พบว่ากำไรปกติทรงตัว YoY โดยแม้ส่วนแบ่งกำไรบริษัทฟื้นตัว 15.5% yoy ตามเหตุผลเดียวกับข้างต้นจากการส่งมอบคอนโดฯ JV มากขึ้น แต่ยอดโอนฯ ลดลง 1.5% yoy เกิดจากคอนโดฯ เป็นหลัก (ลดลง 21% yoy) และไม่สามารถชดเชยกับยอดโอนฯ แนวราบเพิ่ม 7% yoy นอกจากนี้รายได้ที่ลดลง แต่ค่าใช้จ่ายขายบริหารเพิ่มขึ้น จากการเปิดโครงการใหม่ที่มีจำนวนมากขึ้นกว่าปีก่อน ทำให้ SG&A/Sales คาดเพิ่มเป็น 17% เทียบกับ 16.4% งวด 2Q64 ส่วน Gross Margin ประเมินใกล้เคียงปีก่อนที่ 33.3%

หากพิจารณารายบริษัทพบว่ามี 5 บริษัทที่มีกำไรเติบโตดีกว่ากลุ่มฯ โดยเพิ่มทั้ง QoQ และ YoY โดย LH คาดกำไรสูงสุดของกลุ่มฯ 2.06 พันล้านบาท (+11%qoq,+10% yoy) ตามด้วย SC (+47%qoq,+10% yoy) หนุนจากการโอนฯ แนวราบที่แข็งแกร่ง ขณะที่ SIRI (+2.6% เท่า QoQ และ 14% yoy) และ ORI (+33% qoq,+1.5% yoy) จากทั้งแนวราบและโอนฯ คอนโดฯ ใหม่ สำหรับ ASW (+1.4 เท่า QoQ และ 3.5% yoy) จากส่งมอบคอนโดฯ ใหม่ และขายสต๊อกคอนโดฯ เดิมในกลุ่ม Campus Condo อย่าง KAVE

นอกจากนี้ยังมี AP คาดกำไรสูงสุดเป็นอันดับ 2 รายไตรมาส และของกลุ่มฯ อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท เติบโต 37% yoy (แต่ลดลง 12% จาก 1Q65 ที่มีกำไรสูงสุดรายไตรมาส) แรงส่งจากแนวราบเช่นกัน สวนทางกับ ANAN และ NOBLE ที่เน้นพอร์ตคอนโดฯ คาดยังมีผลขาดทุน โดย NOBLE ไม่มีการส่งมอบโครงการใหม่ และ ANAN แม้เริ่มโอนฯ คอนโดฯ JV ใหม่ (IDEO จรัญฯ 70) แต่ยังไม่มากพอที่หักล้างกับ SG&A และดอกเบี้ยจ่ายระดับสูงได้

คาดทิศทางกำไร 2H65 ดีกว่า 1H65

การดำเนินงาน 1H65 ของกลุ่มฯ คาดกำไรปกติ 1.61 หมื่นล้านบาท ทรงตัวจาก 1H64 และคิดเป็น 42% ของเป้าหมายกำไรปกติปีนี้ (นับเฉพาะ 14 บริษัท) ด้วยยอดโอนฯ ใกล้เคียงงวดปีก่อนที่ระดับ 1 แสนล้านบาท (สัดส่วน 42% ของประมาณการทั้งปี) เชื่อว่าทิศทางผลประกอบการ 2H65 จะเร่งตัวขึ้นกว่า 1H65 ทั้งในเชิงยอดโอนฯ และกำไร สนับสนุนด้วย Backlog ที่คงค้างจากสิ้น 2Q65 และรอบันทึกรายได้ 2H65 ตลอดจนการเปิดโครงการใหม่จำนวนมาก โดยเฉพาะสินค้าแนวราบที่มีรอบธุรกิจสั้น ทำให้ใช้ระยะเวลาในการขายและโอนฯ ไม่นาน รวมถึงการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ ใหม่ทั้งของบริษัทเอง และ JV ที่ส่วนใหญ่มีกำหนดสร้างเสร็จในครึ่งปีหลัง คาดเป็นส่วนสนับสนุนต่อผลกำไรปกติ 3Q65 เติบโต QoQ และต่อเนื่องใน 4Q65 ซึ่งปกติเป็นไตรมาสที่สูงสุดของปี

เท่าตลาด เลือก AP, ORI, SPALI, LH และ SC

แม้ภาพ 2H65 ยังมีหลายประเด็นต้องติดตาม ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค และทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งที่มีผลต่อบรรยากาศการลงทุนหุ้นกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย แต่ด้วยทิศทางผลประกอบการ 2Q65 ดีกว่าที่เคยประเมินไว้ (เดิมคาดกำไรกลุ่มฯ ลดลง YoY และ ทรงตัว QoQ) ประกอบกับการดำเนินงาน 2H65 จะมีแนวโน้มดีกว่า 1H65 รวมถึงความน่าสนใจในเชิง Valuation ของหุ้นที่มี PER ซื้อขายไม่แพง และดึงดูดด้วยเงินปันผลระดับกว่า 5% ต่อปี และหลายบริษัทจะมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 1H65 หลังประกาศงบ 2Q65 นำโดย LH, SPALI, QH, LALIN, PSH, LPN, ORI และ SENA คาดให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2-3% (สำหรับ AP, SC, SIRI จะจ่ายปันผลปีละ 1 ครั้ง ส่วน ANAN และ NOBLE คาด 1H65 ไม่จ่ายปันผล เพราะมีผลขาดทุน)

ฝ่ายวิจัยจึงคงแนะนำลงทุนเท่าตลาดสำหรับกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย และหาจังหวะทยอยเข้าสะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว โดยเลือกหุ้นเด่นที่มีพื้นฐานธุรกิจแข็งแรง มี Backlog สูง และให้ปันผลสูงกว่า 5% ต่อปี ได้แก่ AP, ORI, SPALI, LH และ SC

- Advertisement -